ดัชนีกลุ่มแบงก์ร่วงลง 1.04% มาที่ 263.53 จุด นำโดยหุ้น KBANK ปรับลง 2.79% มาที่ 87 บาท หรือลดลง 2.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 518.7 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.27 น. ราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 89 บาท ราคาทำระดับสูงสุดที่ 89.25 บาท และทำระดับต่ำสุดที่ 86.50 บาท
หุ้น BBL อยู่ที่ 96.00 บาท ลดลง 1.25 บาท (-1.29%)
หุ้น SCB อยู่ที่ 67.75 บาท ลดลง 1.00 บาท (-1.45%)
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมินผลการดำเนินงานไตรมาส 1/63 ของกลุ่มแบงก์ โดยรวมจะลดลง 18% QoQ และลดลง 21% YoY ซึ่งยังไม่รวมการควบรวมของธ.ธนชาต (TBANK) และธ.ทหารไทย (TMB) โดยคาดว่าธนาคารทุกแห่งจะมีกำไรลดลง มีสาเหตุสำคัญมาจากการกันสำรองเพิ่มขึ้น ในขณะที่ NIM ลดลง 5-10 bps QoQ และลดลง 20 bps YoY และรายได้ค่าธรรมเนียมก็ลดลงประมาณ 10% YoY
สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ อย่างธ.กรุงเทพ (BBL) คาดว่าจะมีผลขาดทุนจากการลงทุน ส่วนธ.ไทยพาณิชย์ (SCB) และธ.กสิกรไทย (KBANK) คาดว่า Credit cost เพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยอย่างมาก ขณะที่ธ.กรุงไทย (KTB) คาดกำไรลดลงน้อยสุดในกลุ่ม ส่วนธนาคารขนาดกลาง คาดว่าจะถูกกระทบจากผลขาดทุนก้อนใหญ่จากการขายรถที่ยึดมา
สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในไตรมาส 1/63 คาดว่าจะยังไม่พุ่งขึ้นมาก แต่ในช่วงไตรมาส 2/63 มีความเสี่ยงที่ NPL จะเพิ่มขึ้น เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เต็มไตรมาส เนื่องจากยังมีกระแสข่าวลบอยู่ โดยหุ้นแบงก์จึงยังซื้อขายโดยมี discount