นายจำรูญ ชินธรรมมิตร์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.น้ำตาลขอนแก่น(KSL) กล่าวว่า บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ระยะยาวอายุ 3 ปี จำนวน 1.5-2 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้นกู้ในเดือนส.ค.-ก.ย. ทั้งนี้บริษัทได้ขออนุมัติที่ประชุมถือหุ้นไว้จำนวน 1 หมื่นล้านบาท และก่อนหน้านี้ได้ออกไปแล้วจำนวน 3 พันล้านบาท
"หุ้นกู้ที่ออกในครั้งนี้จะนำไปชำระเงินกู้ระยะสั้น และการลงทุนในประเทศกัมพูชาในการสร้างโรงงานผลิตน้ำตาลที่คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ประมาณปลายปี 51" นายจำรูญ กล่าว
นอกจากนี้ ในแผนการดำเนินงาน 5 ปี(2551-2554)บริษัทจะก่อสร้างโรงไฟฟ้า SPP เพิ่มอีก 2 โรง คาดว่าเงินลงทุนโรงละประมาณ 1.2 พันล้านบาท ซึ่งเงินที่ใช้ในการลงทุนส่วนหนึ่งจะมาจากเงินทุนหมุนเวียน และที่เหลือจะมาจากเงินกู้หรือการออกหุ้นกู้ที่ยังมีวงเงินเหลืออยู่
KSL คาดว่า ในปี 50 อัตรากำไรสุทธิน่าจะอยู่ในระดับ 12% มากกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 10% จากอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin)จะอยู่ในระดับ 27% และคาดว่ารายได้เติบโตเพิ่มประมาณ 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4,356.98 ล้านบาท โดยรายได้ดังกล่าวจะมาจากธุรกิจน้ำตาล 80% ส่วนที่เหลือ 20% จะมาจากธุรกิจเอทานอล ไฟฟ้า และปุ๋ย
ทั้งนี้ ไตรมาส 4 (ส.ค.-ต.ค.50) จะมีการรับรู้กำไรเพิ่มเข้ามาประมาณกว่า 200 ล้านบาท เนื่องจากทางสำนักงานอ้อยและน้ำตาลทราย(สนอ.)อาจจะต้องจ่ายค่าชดเชยราคาอ้อยเบื้องต้นที่ผู้ประกอบการอ้อยสำรองจ่ายไปในราคา 800 บาท/ตันอ้อย แต่ราคาตลาดในปัจจุบันอยู่ที่กว่า 700 บาท/ตันอ้อย ทำให้ต้องมีการชดเชยราคาส่วนต่างที่เกิดขึ้นโดยรวมทั้งอุตสาหกรรมอยู่ที่ประมาณ 8,500 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีการประกาศเรื่องดังกล่าวประมาณเดือนตุลาคมนี้
**เดินหน้าลงทุนรง.เอทานอลอีก 2 โรง-หาทางส่งออกได้
สำหรับธุรกิจเอทานอล นายจำรูญ กล่าวว่า บริษัทกำลังจะก่อสร้างโรงงานผลิตเพิ่มเติมอีก 2 โรงในต้นปี 51 มูลค่าการลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท ขณะนี้บริษัทได้รับใบอนุญาตส่งเสริมการลงทุน(BOI)เรียบร้อยแล้ว ซึ่งงบประมาณในการลงทุนน่าจะมาจากการดำเนินงานของบริษัท
ยอดจำหน่ายเอทานอลทั้งในและต่างประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่ายอดขายของเอทานอลโดยรวมปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณกว่า 20 ล้านลิตรใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันบริษัทมียอดขายไปแล้วกว่า 12 ล้านลิตร
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทไม่รอนโยบายจากทางภาครัฐบาลที่ยังไม่มีความชัดเจน แต่ได้มีการรวบรวมผู้ประกอบการเอทานอลและจัดตั้งเป็นสมาคมผู้ผลิตเอทานอลเพื่อทำการส่งออกเอทานอลที่เป็นส่วนเกินในประเทศไปจำหน่ายต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้ทดลองส่งออกไปยังประเทศจีน ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ หากได้รับการตอบรับที่ดีจะเริ่มผลิตเพื่อส่งออกเต็มที่ประมาณปลายปีนี้ และคาดว่าจะมีคำสั่งซื้อเข้ามาประมาณ 5 ล้านลิตรต่อเดือน
ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าคาดว่าจะมีรายได้ทั้งปีเข้ามาประมาณ 400-500 ล้านบาท โดยรายได้มาจากเป็นโรงไฟฟ้าขอนแก่นกำลังการผลิต 30 เมกกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก 3 โรงกำลังการผลิตโรงละประมาณ 2-3 เมกกะวัตต์ ซึ่งบริษัทมีแผนปรับปรุงโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก 3 โรงให้มีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นกว่าเดิมด้วยงบประมาณค่าใช้จ่ายไม่มากนัก
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--