"ก้องเกียรติ"แนะนำเข้าบุคลากรไฟแนนซ์ฝีมือดีจากตปท.แก้ปัญหาแย่งพนักงาน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 25, 2007 16:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

         นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซีย พลัส(ASP) และประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เตือนบุคลากรวงการโบรกเกอร์ รักษาจริยธรรม-จรรยาบรรณ หลังเกิดกรณีดึงลูกค้าหลังย้ายงาน ยอมรับยากป้องกันการฉกตัวมือดีพร้อมทีมงานข้ามบริษัท แนะนำเข้าบุคลากรที่มีฝีมือด้านการเงินจากต่างประเทศเข้ามาเสริม  
นายก้องเกียรติ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ประเทศไทยโดยรวมแล้วยังขาดแคลนแรงงานที่มีฝีมืออย่างมาก โดยเฉพาะบุคลากรที่มีความสามารถในระดับสูงที่จะมีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจการเงิน ดังนั้นทางเดียวที่จะแนะนำคือนำเข้าบุคลากรที่มีฝีมือ โดยอาจมาจากประเทศอินเดีย, ออสเตรเลีย, สหรัฐ หรือ ยุโรป ก็ได้
"บ้านเราต้องบอกว่าประเทศไทยโดยรวมขาดแรงงานที่มีฝีมือ ขาดอย่างมาก แต่สิ่งที่มีเป็นพวกพนักงานแรงงาน เรามีเยอะ แต่เราไม่ได้ฝึกบุคลากรที่มีความสามารถระดับสูง มีความรู้ความเข้าใจ ธุรกิจการเงินได้เพียงพอ คงจะต้องแก้ไขด้วยการนำเข้าบุคคลากรที่มีฝีมือ นำเข้ามาเลย ตัวอย่างเช่นด้านการเงินก็นำเข้ามาจากอินเดีย หรือออสเตรเลียก็ได้ หรืออเมริกา หรือยุโรป"นายก้องเกียรติ กล่าว
งานด้านวาณิชธนกิจก็เป็นส่วนหนึ่งที่ขาดแคลนผู้มีฝีมือ รวมทั้งงานด้านวิจัย ส่วนของธุรกิจธนาคารก็ขาดแคลนบุคลากรที่มีความชำนาญด้านสินเชื่อ ผู้จัดการกองทุน ทำให้ในปัจจุบันเกิดปัญหาดึงตัวบุคลากรที่มีความสามารถ เป็นผลจากที่บุคลากรที่มีฝีมือมีไม่เพียงพอ จึงแนะนำให้นำบุคลากรเข้ามาเสริม แม้ว่าต้นทุนจะสูง แต่ก็คุ้มค่า
"วาณิชฯ ก็เป็นส่วนหนึ่ง วิจัย แบงก์เรื่องสินเชื่อ ผู้จัดการกองทุน บุคลากรก็มีการดึงกันไปดึงกันมา ทุกอย่าง คนไม่พอ ผมก็แนะนำว่าให้นำเข้ามาเลย ต้นทุนสูงมันก็คุ้ม ฝรั่งเก่งมันก็ต้องแพง คุณจ้างถูกก็ได้ของถูก จ้างแพง ก็ได้ของดี มันก็ต้องทำอย่างนี้ ในช่วงที่เราขาดแคลนเราก็ต้องนำเข้า อย่างสิงคโปร์เขาเก่งเขายังต้องนำเข้าเลย"ประธานกรรมการบริหาร ASP กล่าว
นายก้องเกียรติ กล่าวอีกว่า คงจะเป็นการป้องกันได้ยากสำหรับตลาดแรงงานที่มีการแย่งบุคลากรที่มีความสามารถสูง แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ อย่าขโมยธุรกิจไปด้วย ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่บรรดาโบรกเกอร์ต่างหาทางป้องกันอยู่ ซึ่งหากจะขโมยธุรกิจไปก็จะต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับนายจ้าง เป็นเรื่องของจรรยาบรรณ จริยธรรม
"ตลาดฯแรงงานจะไปป้องกันได้ยังไง มีแต่ดึงไปดึงมา คือถ้าไปก็อย่าขโมยธุรกิจไป นั่นเป็นสิ่งที่พวกโบรกเกอร์ต่างหาทางป้องกันกัน...พูดถึงเรื่องจรรยาบรรณ จริยธรรม เข้ามา Support แต่ถ้ามีคนจากนักบัญชี ผู้สอบบัญชี นักวิจัย โอกาสที่จะขโมยธุรกิจไปเยอะ ๆ เหมือนธุรกิจโบรกเกอร์ก็คงจะยาก"นายก้องเกียรติ กล่าว
ประธานกรรมการบริหาร ASP กล่าวอีกว่า วิธีปฏิบัติตามหลักสากล เมื่อลูกจ้างจะย้ายงาน บริษัทฯจะมีเกณฑ์กำหนดไว้ว่าจะต้องมีกรอบระยะเวลาห้าม(Silent Period)ให้ลูกจ้างว่าเมื่อย้ายงานไปแล้ว จะต้องไม่ทำให้ธุรกิจของนายจ้างเดิมเกิดความเสียหาย ซึ่งกรอบของSilent Period อาจจะกำหนดในระยะเวลา 6 เดือนหรือ 1 ปีก็ได้
"จริง ๆ แล้วตามหลักการจะต้องคุยนะ วิธีปฏิบัติตามหลักสากล บริษัทฯจะต้องมี Silent Period ถูกไหม ไม่ควรจะไปทำธุรกิจของนายจ้างให้เกิดความเสียหาย ในระยะเวลาที่กำหนดไว้ 6 เดือน 1 ปีก็ว่าไป คือตามมารยาท ที่ผมเจอส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างนั้น คือคนที่มีมารยาทจะเป็นอย่างนั้น ส่วนคนที่ไม่มีมารยาทก็ไม่รู้จะทำยังไง มันขึ้นอยู่กับแต่ละคน"ประธานกรรมการบริหาร ASP กล่าว
นายก้องเกียรติ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวหลังจากที่โบรกเกอร์บางแห่งกำลังเผชิญกับเรื่องการย้ายงานของทีมงานฝ่ายวาณิชธนกิจที่ดึงเอาลูกค้าย้ายตามไปด้วย
ล่าสุด กรณีของบล.ซีมิโก้(ZMICO)ทีมวาณิชธนกิจ ซึ่งนำโดยนายอัศวานี อะฮูจา ผู้อำนวยการฝ่ายวาณิชธนกิจ พร้อมลูกทีมอีกประมาณ 8-9 คน ได้ยื่นหนังสือลาออก
จากก่อนหน้านี้ได้มีทีมวาณิชธนกิจลาออกไปแล้วจำนวน 2 ทีม คือ ทีมของนายวิเชียร เอื้อสงวนกุล จำนวน 12 คนย้ายไปร่วมงานกับบล.บีฟิท(BSEC) และต้นเดือนก.ค.ทีมของนายชูพงษ์ ธนเศรษฐกร จำนวน 10 คนย้ายไปร่วมงานกับบล.เคทีบี(KTBS) ส่งผลให้ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายวาณิชธนกิจของ ZMICO มีเหลือเพียง 7-8 คน
นายก้องเกียรติ ยังกล่าวว่า ไม่เพียงเฉพาะธุรกิจโบรกเกอร์ แต่ธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ก็เกิดปัญหาเช่นดียวกัน จากที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ประกอบการหลายรายก็บ่นว่าคนไม่พอ ซึ่งก็แนะนำไปว่าควรจะนำเข้ามาทดแทน กลายเป็นว่าเราไปส่งเสริมให้มีคนงานในโรงงานทอผ้า ซึ่งไม่ตรงสายตลาดกับที่ต้องการแล้วในปัจจุบันนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ