น.ส.อภิญญา บริเวชชานนท์ กรรมการและผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ บมจ.สยามเจเนอรัลแฟคตอริ่ง(SGF) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า โดยคาดว่าคดีข้อพิพาทเรื่องการชำระหนี้ระหว่าง SGF และ บมจ.อีสเทิร์นไวร์ (EWC) จะได้ข้อยุติไม่เกินไตรมาส 3 หรือ ไตรมาส 4 ของปีนี้ ไม่ว่าจะตกลงกันได้หรือไม่ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯคาดหวังจะเห็นผลสำเร็จจากการไกล่เกลี่ยคดีกับ EWC ซึ่งมีนัดเจรจากันอีกครั้งในวันที่ 1 ส.ค.นี้ เพื่อให้ EWC รับโอนสิทธิในลูกหนี้ 7 รายแทนการชำระหนี้ในวงเงิน 500 ล้านบาทที่บริษัทได้กู้ยืมมา ซึ่งขณะนี้มีลูกหนี้บางรายในกลุ่มดังกล่าวได้ขอนำทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์มาชำระหนี้แล้ว
"ตอนนี้เท่าที่ทราบในบรรดาลูกหนี้ 7 รายนี้มีบางส่วนจะเอาทรัพย์มาชำระหนี้ ตัวนี้ทรัพย์รู้สึกจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่หนี้ลอย ๆ ถ้าเขายอมรับทรัพย์ตัวนี้ไปซะ มันก็ไม่มีเรื่องของ SGF แล้ว ก็จะเป็นเรื่องของคนนอกกับ EWC เรามีหน้าที่เจรจาว่าให้คุณรับไปเถอะ ถ้าเขารับปั๊บ เขาก็ลดหนี้ให้เรา ทุกอย่างก็จบ"น.ส.อภิญญา กล่าว
แต่หากการเจรจาไกล่เกลี่ยไม่เป็นผลสำเร็จ ก็จะต้องนำคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลในช่วงต้นเดือน ก.ย.นี้ โดยศาลคงจะนัดสืบพยานทั้งใยโจทก์และจำเลย จากนั้นก็จะมีเวลาประมาณ 1 เดือนในการวินิจฉัยคดีก่อนมีคำพิพากษา คาดว่าน่าจะมีผลออกมาราวปลายไตรมาส 3 หรือช่วงต้นไตรมาส 4 ของปีนี้
ทั้งนี้ จากการไกล่เกลี่ยครั้งก่อนเมื่อ 11 มิ.ย.50 ทนายความ SGF เสนอให้ EWC รับการชำระหนี้เป็นทรัพย์สินที่เป็นที่ดิน หรือเงินสดที่ลูกหนี้จะนำมาชำระคืนหนี้ โดยหากเป็นอสังหาริมทรัพย์จะต้องได้รับการประเมินจากบริษัทประเมินราคาภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี และเมื่อ EWC ได้รับการชำระทรัพย์สิแล้ว ก็ให้ลดทุนทรัพย์ตามฟ้องลงเท่ากับจำนวนที่ได้รับชำระ ส่วนหนี้ที่เหลือก็ให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาและหาข้อยุติให้ได้ภายใน 9 เดือน
ขณะที่ฝ่าย EWC แจ้งว่าขอให้ SGF ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรเสนอเงื่อนไขการชำระหนี้ตามฟ้องทั้งหมดเพื่อให้ EWC นำเข้าคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาต่อไปว่าจะรับชำระหนี้โดยการโอนหนี้ที่ SGFเคยเป็นเจ้าหนี้บุคคลภายนอกหรือไม่
น.ส.อภิญญา กล่าวว่า แม้ขณะนี้จะไม่สามารถคาดเดาผลของคดีได้ แต่ถ้าสามารถเจรจาตกลงกันได้ ก็จะทำให้บริษัทพ้นจากการเข้าข่ายถูกเพิกถอนออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และน่าจะดีต่อผลประกอบการของบริษัท
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ผู้บริหารระบุว่าสามารถตกลงกับ EWC ได้ ก็จะทำให้บริษัทสามารถบันทึกส่วนที่ตั้งสำรองทางบัญชี กลับมาเป็นส่วนทุนได้มากกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลทำให้ส่วนทุนของบริษัทเป็นบวก
น.ส.อภิญญา กล่าวว่า ขณะนี้สภาพคล่องของบริษัทฯก็ยังพอจะไปได้ ถึงจะติดขัดอยู่บ้าง โดยส่วนที่ติดขัดก็คงจะต้องบอกให้ลูกค้าไปใช้บริการที่อื่นชั่วคราว เพราะบริษัทฯไม่ได้มีเม็ดเงินมากพอที่จะปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าทุกรายที่เข้ามาติดต่อ
"ประเด็นคือถ้าเราหาลูกค้าได้ แล้วเรามีเงินปล่อย เราก็จะมีกำไร ถ้าเราหาลูกค้าได้ แต่ไม่มีเงินปล่อย เราก็ทำอะไรไม่ได้ ก็ให้ลูกค้าไปใช้สถาบันการเงินอื่นก่อน ปัจจุบันก็ยังมีลูกค้าใหม่เข้ามาอยู่ แต่เราก็คัดเลือกลูกค้ามากขึ้น เพราะเงินเรามีจำกัด"น.ส.อภิญญา กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--