ทั้งนี้ พบว่าผู้บริโภคยังคงมีความต้องการใช้วัสดุก่อสร้าง แต่เปลี่ยนพฤติกรรมไปเลือกซื้อสินค้าที่ร้านตัวแทนจำหน่ายรายย่อยเพิ่มขึ้น หลังจากห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่หลายแห่งต้องปิดให้บริการชั่วคราว เพื่อลดการแพร่ระบาด เช่นเดียวกับช่องทางส่งออกที่ขยายตัวดีเช่นกัน โดยประเมินทั้ง 2 ช่องทางดังกล่าวสามารถทำรายได้คิดเป็นสัดส่วนรวมกันกว่า 70-75%
นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินมาตรการควบคุมต้นทุนที่ดีจากการรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรในไตรมาสแรกที่ผ่านมาเฉลี่ย 90% พร้อมบริหารสต๊อกสินค้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นได้ตามเป้าหมาย
"ด้วยจุดแข็งของช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายของ DRT ทำให้เราบริหารความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ดีและได้รับผลกระทบไม่มากนัก แม้มีการปิดห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ แต่เรามีสินค้าวางขายผ่านตัวแทนจำหน่ายรายย่อยทั่วประเทศและช่องทางส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ขยายตัวได้ดีมาชดเชย"นายสาธิต กล่าว
ด้านแนวโน้มการดำเนินงานในไตรมาส 2/63 นั้น ต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่าภาครัฐจะขยายระยะเวลาการปิดศูนย์การค้าและห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่หรือไม่ หากทุกอย่างสามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติได้ เชื่อว่าจะส่งผลบวกให้แก่ช่องทางจำหน่ายดังกล่าวฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว โดย DRT พร้อมป้อนสินค้าได้ทันทีเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ขณะที่กลุ่มลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์ยอมรับว่าอาจจะชะลอตัวไปบ้าง แต่หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นมองว่าจะส่งผลต่อยอดขายโดยรวมในครึ่งปีแรกชะลอตัวไม่เกิน 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้บริษัทได้วางแผนปฏิบัติงานในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงานเป็นหลัก พนักงานส่วนหนึ่งสามารถทำงานที่บ้าน (Work for Home) ได้ ขณะที่โรงงานผลิตที่สระบุรีนั้น มีการตรวจเช็คสุขภาพคนงานอย่างเคร่งครัด พร้อมกับดำเนินการติดตั้งระบบโรบอตเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในไลน์การผลิตทดแทนการจ้างแรงงาน Out Source ได้อีกทางหนึ่งด้วย