โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.วีจีไอ (VGI) หลังคาดผลงานจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จบลง โดยคาดว่าจะสามารถคลี่คลายได้ในช่วงไตรมาส 2 ของงวดปี 63/64 (ก.ค.- ก.ย. 63) เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยในภาวะปกติ สื่อต่าง ๆ ที่ VGI มีอยู่ในพอร์ตก็เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ตามไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น นิยมใช้ BTS และใช้สื่อดิจิทัลทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้งอัตราค่าโฆษณาก็ต่ำกว่าทีวีดิจิทัล
ทั้งนี้ มองว่ากำไรสุทธิงวดปี 62/63 (เม.ย. 62 - มี.ค. 63) จะยังสามารถเติบโตได้ดี แต่ได้ปรับประมาณการกำไรปกติปี 63/64 (เม.ย.63-มี.ค.64) ลงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กระทบต่อรายได้ที่ลดลงในทุกสื่อ โดยเฉพาะ Transit media และ กลุ่มสื่อนอกบ้าน (Outdoor media)
ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมากหลังจากมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมองว่าได้สะท้อนปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว ดังนั้น จึงเป็นโอกาสให้เริ่มเข้าไปสะสม
ช่วงบ่ายหุ้น VGI อยู่ที่ 6.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท หรือ 12.28% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย เพิ่มขึ้น 6.87%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ซื้อ 8.10 ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ซื้อ 6.65 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 8.80
นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า VGI จะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จบลง เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยในภาวะปกติ สื่อต่างๆที่บริษัทมีอยู่ในพอร์ตก็จะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ตามไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ ที่ใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น นิยมใช้ BTS และใช้สื่อดิจิทัล ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ รวมทั้งอัตราค่าโฆษณาก็ต่ำกว่าทีวีดิจิทัล
นอกจากนี้ฐานะการเงินบริษัทก็มีความแข็งแกร่ง คาดว่าจะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ โดยปัจจุบันบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) 0.02 เท่า
ทั้งนี้ มองว่ากำไรสุทธิงวดปี 62/63 (เม.ย. 62-มี.ค. 63) จะยังสามารถเติบโตได้ดี แม้ว่าจะได้มีการปรับลดประมาณการลงราว 6% สะท้อนปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด-19 ที่เริ่มมีผลชัดเจนตั้งแต่ ก.พ. และกระทบรุนแรงในเดือน มี.ค. โดยเป็นผลกระทบมากในช่วงของปลายไตรมาส 4 โดยในช่วง 9 เดือนยังสามารถมีกำไรสูง ซึ่งในช่วงไตรมาส 3 งวดปี 62/63 มีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่จัดตั้งบริษัทมา
สำหรับความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คาดว่าจะมีผลกระทบมากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของงวดปี 63/64 (เม.ย. 63 - มี.ค. 64) ซึ่งเป็นช่วงที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยจะกระทบทั้งรายได้จากโฆษณา และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม โดยคาดว่าในงวดปี 63/64 - 64/65 รายได้จากการโฆษณาจะลดลง 36% ต่อปี สะท้อนรายได้โฆษณาที่ลดลงในทุกธุรกิจคือ BTS สื่อดิจิทัล สื่อนอกบ้าน และอาคารสำนักงาน สำหรับสื่อนอกบ้านจะไปเกี่ยวพันกับต่างประเทศจาก บมจ.มาสเตอร์ แอด (MACO) ด้วยตัวหลักคือ PBSB (Puncake Berlinn Sdh.Bhd.) ที่มาเลเซีย ก็คาดว่าจะได้รับผลลบจากโควิด-19 เช่นกัน
ด้านส่วนได้เสียจากบริษัทร่วมคาดว่าในงวดปี 63/64 - 64/65 จะปรับลดลงเช่นกันแม้ว่าบริษัทร่วมที่แข็งแกร่งคือ KERRY Express ที่กลับได้ประโยชน์จากการที่คนหลีกเลี่ยงออกจากบ้าน แต่บริษัทที่คาดว่าจะมีขาดทุนมากขึ้นก็คือ Rabbit Line Pay และกิจการที่มาเลเซีย ซึ่งได้รับผลลบจากโควิด-19
"เราเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ จากเดิมถือ เพราะระดับ P/E ลดลงมาอยู่ที่ราว 30 กว่าเท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 49.5 เท่า ในขณะเดียวกันคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 คลี่คลายลง เนื่องจากบริษัทมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง"นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสฯ กล่าว
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะคลี่คลายได้ในช่วงไตรมาส 2 (ก.ค.- ก.ย. 63) ซึ่งจะส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณาจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งแบบค่อยเป็นค่อยไป แม้ว่าในปัจจุบันจะได้รับผลกระทบของรายได้ที่ลดลงในทุกสื่อ โดยเฉพาะ Transit media และ กลุ่มสื่อนอกบ้าน (Outdoor media) ในขณะเดียวกันยังมีการประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้บริษัทบางส่วนให้พนักงาน work from home ซึ่งส่งผลกระทบต่อจำนวนผู้โดยสารของ BTS และเชื่อว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจะทำให้กลุ่มผู้ใช้งบโฆษณาหลักจะลดการใช้งบโฆษณาลง
ทั้งนี้ มองว่าราคาหุ้นที่ผ่านมาปรับตัวลดลงไป 40% ในช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาหลังจากมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้น แต่ก็ได้สะท้อนปัจจัยลบไปพอสมควร โดยเฉพาะแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1 งวดปี 63/64 ที่ชะลอตัวไปพอสมควรแล้ว ดังนั้น จึงเป็นโอกาสให้เริ่มเข้าไป "ซื้อ" สะสม
ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ส่งผลให้ภาครัฐบาลต้องมีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ควบคุมกิจกรรมการใช้ชีวิตของประชาชนนอกบ้าน จึงประเมินว่าจะส่งผลต่อกลุ่มสื่อนอกบ้านอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งสัญญาณการปรับประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ลงเป็น -5.3% แต่ข้อสังเกตคือ เป้าหมายนักท่องเที่ยวเพียง 15 ล้านคนปี 63 และเพียง 20 ล้านคนในปี 64 สะท้อนให้เห็นว่าภาครัฐมีความกังวลมากต่อการลากยาวของปัญหาโควิด-19
ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรงวดปี 62/63 ของ VGI ที่ 1.4 พันล้านบาท แต่ได้ปรับประมาณการกำไรปกติปี 63/64 (เม.ย.63-มี.ค.64) ลง 50% โดยปรับลดรายได้สื่อบนรถไฟฟ้า BTS ลง 23% จากการปรับลดสมมติฐาน รายได้/ขบวน และ รายได้/สถานี ลง 25-30% เพื่อสะท้อนความเสี่ยงของโควิด-19 ขณะเดียวกันได้ถอด MACO ออกจากการรวมงบการเงินงวดปี 63/64 เนื่องจาก VGI ได้ลดสัดส่วนการถือลงมาเหลือ 26.55% แล้วตั้งแต่ ก.พ. 63 โดยแนะนำว่าควรใช้จังหวะของการเห็นสัญญาณการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้เป็นจังหวะเข้า "ซื้อ"