นายประวิทย์ โชติวัฒนาพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" ว่า สถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างมาก เนื่องจากกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลต่อการซื้อที่อยู่อาศัยให้ชะลอตัวไปด้วย ทำให้การขายโครงการต่าง ๆ ชะลอตัวลงตาม แม้ว่าบริษัทจะเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
สำหรับในไตรมาส 1/63 ช่วงต้นปีการขายบ้านและทาวน์เฮาส์ของบริษัทยังมีการขายที่ดี แต่เริ่มชะลอตัวในช่วงกลางเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา และคาดว่าในไตรมาส 2/63 หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายมองว่าจะส่งผลกระทบต่อการขายทั้งไตรมาส และทำให้บริษัทจะต้องพิจารณาปรับลดเป้าหมายรายได้ในปีนี้จากเดิมที่คาดว่ารายได้จะไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ส่วนโครงการใหม่ในปีนี้จะเปิดแนวราบ 4-5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเปิดในครึ่งปีหลัง
อย่างไรก็ตามบริษัทหันมาเน้นการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้เพิ่มขึ้น เพื่อทำให้บริษัทยังมีความสามารถในการทำกำไรที่ดี ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทยังสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ในระดับที่ดี 33-35% และอัตรากำไรสุทธิ 20-22% ขณะเดียวกันบริษัทได้จัดโปรโมชั่นยูนิตราคาพิเศษ พร้อมให้ของแถม และอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม และแนวราบ ที่พร้อมโอน เพื่อระบายสต็อกให้ลดลง และสร้างรายได้กลับมาให้บริษัท ทำให้ต้นทุนของบริษัทลดลงด้วย
ส่วนธุรกิจโรงแรมในปัจจุบันได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะโรงแรม Center Point พัทยา ที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก หลังจากนักท่องเที่ยวลดลงไปมาก และพัทยาได้เตรียมประกาศล็อกดาวน์ 24 ชม. ตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย.นี้ ซึ่งกระทบต่อโรงแรมที่พัทยาค่อนข้างมาก แม้ว่าธุรกิจโรงแรมจะมีสัดส่วนรายได้ไม่มากเพียง 5-7% ก็ตาม
"ตั้งแต่ต้นปีก็มีเหตุการณ์ต่าง ๆ เข้ามากระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ แต่ก็ยังไม่กระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากเท่ากับโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจชะลอลงอย่างชัดเจน ซึ่งกระทบต่อตลาดอสังหาฯไปด้วย จากตอนแรกที่มองว่าปีนี้ตลาดอสังหาฯน่าจะดีขึ้น แต่ต้นปีแนวราบก็ยังขายได้ดี ตอนนี้ก็ชะลอลงไปค่อนข้างมาก หลังจากมีโควิด-19 เริ่มแพร่กระจายในประเทศมากขึ้น"นายประวิทย์ กล่าว