ดัชนีกลุ่มแบงก์บวก 2.16% มาอยู่ที่ 288.03 จุด เพิ่มขึ้น 6.09 จุด เมื่อเวลา 15.21 น.นำโดยหุ้น TCAP พุ่ง 10.08% มาอยู่ที่ 35.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 409.31 ล้านบาท
หุ้น KBANK บวก 4.96% มาอยู่ที่ 100.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,885.47 ล้านบาท
หุ้น SCB บวก 4.75% มาอยู่ที่ 77.25 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,595.92 ล้านบาท
หุ้น BBL บวก 3.98% มาอยู่ที่ 104.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,767.95 ล้านบาท
บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า เมื่อวานนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศมาตรการช่วยเหลือ SME ผ่านเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 5 แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยรักษาคุณภาพสินเชื่อโดย โดยมี 3 โครงการคือ 1) พักชำระหนี้ทั้งเงินกู้และดอกเบี้ย SME 6 เดือน 2) ปล่อยสินเชื่อใหม่ให้ SME ที่ดอกเบี้ย 2.0% โดย ธปท.จะรับภาระดอกเบี้ยแทน 6 เดือนแรก และ 3) ปรับลดอัตราส่งเงินสมทบกองทุนรับประกันเงินฝากลงจาก 0.46% ของยอดเงินฝากรวม เป็น 0.23% เป็นเวลา 2 ปี
ทั้งนี้ เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวทำให้ธนาคารได้รับผลกระทบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไม่มากนัก เว้นสำหรับธนาคารที่มีพอร์ตลูกหนี้ SME จำนวนมาก เช่น ธนาคารกสิกรไทย ( KBANK) และ ธนาคารเกียรตินาคิน ( KKP) น่าจะได้รับผลกระทบจาก ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงมากสุดปีนี้ ประมาณ 9-10 bps ส่งผลต่อกำไรประมาณการ 5% ขณะที่ธนาคารอื่นไม่ถูกกระทบมากนัก
โดยยังคงชื่นชอบหุ้นธนาคารกรุงเทพ ( BBL ) และ บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) มากสุดจากการมียอดสำรองค่าเผื่อหนี้สูญ/NPL สูงสุดที่ 220% และ 177% ตามลำดับ และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลในระดับที่สูงที่ 7% และ 9% ตามลำดับ