นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 และการออกข้อกำหนดในการใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยกำหนดห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานในเวลา 22.00 น.ถึง 04.00 น.โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.นั้นทำให้บริษัทเดินรถได้ถึงเวลา 21.30 น. ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารบีทีเอสลดลงอย่างเห็นได้ชัดในเดือน เม.ย. จากเดือนมี.ค.ที่แผ่วลงแต่ยังไม่มาก อย่างไรก็ตามคาดว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติได้ในไม่ช้า และคาดว่าตัวเลขจำนวนผู้โดยสารในอีก 11 เดือนของงวดปี 63/64 (เม.ย.63- มี.ค.64) จะกระเตื้องขึ้น
นอกจากนี้ ในเดือนธ.ค.63 บริษัทคาดว่าจะเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้ในส่วนต่อขยาย ช่วงหมอชิต-คูคต ได้ตามกำหนดการเดิม
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 4 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้นำขบวนรถไฟฟ้าบีทีเอส เข้าดำเนินการทดสอบการเดินรถ ใน 4 สถานีใหม่ ได้แก่ สถานีกรมป่าไม้ (N14) สถานีบางบัว (N15) สถานีกรมทหารราบที่ 11 (N16) สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ (N17) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต
ในการทดสอบการเดินรถนั้น บริษัทฯ ได้นำรถไฟฟ้าวิ่งทดสอบในราง (Test Track) ทั้งเส้นทาง และวัดระยะระหว่างโครงสร้างกับตัวรถไฟฟ้า รวมถึงตรวจสอบว่าอุปกรณ์ที่ติดตั้งไม่กีดขวางการเดินรถ โดยภาพรวมการทดสอบเดินรถไป-กลับระหว่าง 4 สถานี ผลการทดสอบเป็นไปได้อย่างราบรื่น ไม่มีข้อบกพร่อง ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเตรียมพร้อมทดสอบระบบรวม (System Integration Test) เช่น ระบบอาณัติสัญญาณ ระบบการสื่อสาร เพื่อให้มั่นใจว่าการทำงานทุกระบบสอดคล้องกัน มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัย
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ถึงแม้สถานการณ์จะยังอยู่ในช่วงของการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ บริษัทฯก็ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการตามแผนที่กำหนด โดยได้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้บริษัทฯ สามารถทำงานได้ตามแผน ควบคู่ไปกับการดำเนินการมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อเพิ่มความมั่นใจ และอำนวยความสะดวก ปลอดภัยแก่ผู้มาใช้บริการทุกราย