นักวิเคราะห์ แนะนำ "ซื้อ" หุ้นบมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) หลังมองแนวโน้มกำไรในไตรมาส 1/63 จะยังสามารถทำได้ดีระดับ 700-800 ล้านบาท จากเริ่มโอน 2 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ตั้งแต่ต้นปี แต่ในส่วนของการขายได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถขายได้อย่างเต็มที่
ขณะเดียวกัน ORI ยังมียอดขายรอโอน (Backlog) รองรับรายได้ในระดับสูง และมีการกระจายพอร์ตธุรกิจไปรุกตลาดแนวราบ และธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำมากขึ้น ทำให้มองว่าหากสถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายจะเป็นผลบวกต่อการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนของราคาหุ้น ORI หลังจากปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมากก่อนหน้านี้ และแม้ราคาหุ้นจะปรับขึ้นมาแล้วในระยะสั้น แต่มองว่าราคาหุ้นยังมีอัพไซด์อยู่
พักเที่ยงหุ้น ORI อยู่ที่ 4.88 บาท เพิ่มขึ้น 0.18 บาท หรือ 3.83% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 2.37%
เอเชีย เวลท์ ซื้อ 9.00 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 8.60 เอเซีย พลัส ซื้อ 8.26 กสิกรไทย ซื้อ 7.60 ทิสโก้ ซื้อ 6.00 เคทีบีฯ ซื้อ 5.50
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) คาดการณ์แนวโน้มกำไร ORI ในไตรมาส 1/63 จะออกมาในระดับ 700-800 ล้านบาท ต่ำกว่าไตรมาส 4/62 และช่วงเดียวกันของปีก่อน จากภาวะของตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลงมาก ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอ และผลกระทบจากไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ตาม กำไรในช่วงดังกล่าวนับว่าอยู่ในระดับที่ดี เนื่องจากยังมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เข้ามาในช่วงต้นปี 2 โครงการ และโอนโครงการแนวราบเข้ามาเพิ่มขึ้น รวมถึงมีกำไรพิเศษที่มาจากการขายเงินลงทุนในบริษัทร่วมทุนเข้ามาเสริม
ส่วนแนวโน้มในช่วงไตรมาส 2/63 ยังมีความท้าทายค่อนข้างมาก เพราะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย ทำให้จะเห็นผลกระทบมากขึ้นในช่วงไตรมาสนี้ แต่หากสถานการณ์คลี่คลายได้ภายในไตรมาส 2 นี้ มองว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของตลาดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการฟื้นตัวของผลงานของบริษัท
แต่ภาพรวมของกำไรในปีนี้มองว่าจะเห็นการปรับตัวลงจากปีก่อนค่อนข้างมากราว 33% มาอยู่ที่กว่า 2 พันล้านบาท แต่มองว่าราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงไปค่อนข้างมากสะท้อนปัจจัยลบดังกล่าวไปแล้วก็มีโอกาสที่ราคาจะปรับขึ้นได้หลังจากนี้
ด้านนายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย มองว่า ราคาหุ้น ORI ได้ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา รับปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงแรงในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ มาจากแนวโน้มกำไรในไตรมาส 1/63 ที่น่าจะอยู่ในระดับที่ดีกว่า 700 ล้านบาท จากการโอน 2 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ตั้งแต่ต้นปี แม้ว่าการขายอาจจะมีการชะลอตัวไปบ้างจากปัจจัยของภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่เอื้อ และผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ไม่สามารถทำกิจกรรมการขายได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ORI ยังมีปัจจัยหนุนจากการเปิดกว้างรับพันธมิตรใหม่เข้ามาร่วมทุนพัฒนาโครงการ ทำให้ลดความเสี่ยงในการลงทุนลง และใช้เงินลงทุนน้อยลงเมื่อเทียบกับลงทุนพัฒนาเอง พร้อมกับแผนการรุกตลาดแนวราบมากขึ้น ช่วยสนับสนุนการเติบโตระยะกลาง-ยาว
นางสาวนวลพรรณ น้อยรัชชุกร รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส มองว่าในช่วงไตรมาส 1/63 ที่ผ่านมาการโอนโครงการทำได้ในระดับที่น่าพอใจในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เข้ามาตั้งแต่ต้นปี 2 โครงการ ทำให้คาดว่ากำไรในไตรมาสแรกนี้จะทำได้กว่า 700 ล้านบาท แต่ในด้านของการขายมองว่าชะลอตัวลงไป เพราะสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันยังไม่คลี่คลาย และคาดว่าจะกระทบมาถึงการขายในไตรมาส 2/63 ที่ยังคงต้องติดตามอย่างเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ORI ถือว่ามี Backlog รองรับรายได้ในอนาคตอยู่ในระดับสูงราว 4 หมื่นล้านบาท ทำให้ยังสามารถมีความมั่นใจถึงรายได้ที่จะเข้ามาในอนาคตเพิ่มเติมได้ ขณะที่ราคาหุ้นของ ORI ในช่วงที่ผ่านมาถือว่าลดลงไปค่อนข้างมาก และเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาบ้างในระยะสั้น แต่หากสถานการณ์ต่าง ๆ ฟื้นขึ้นคาดว่าจะส่งผลบวกให้ราคาหุ้นฟื้นตัวได้ชัดเจน ซึ่ง ORI มีการกระจายธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำด้วย ทำให้อนาคตจะค่อย ๆ เห็นรายได้ส่วนนี้เข้ามาเสริมมากขึ้น