บล.แอ๊ดคินซัน (ASL) คาดว่าจะได้ข้อสรุปการขายไลเซ่นส์ของบล. เอเพกซ์ในไตรมาส 4/50 จากก่อนหน้านี้ที่เคยคาดว่าจะสรุปได้ราวไตรมาส 3/50 แต่คงไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/50 น่าจะดีกว่าไตรมาส 1/50 ที่ขาดทุน 106.79 ล้านบาท เป็นผลจากวอลุ่มตลาดหุ้นดีขึ้น และบริษัทมีลูกค้าต่างประเทศเข้ามาเทรด อีกทั้งก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการปิดกิจการบางสาขา ซึ่งเป็นการช่วยลดต้นทุนได้ส่วนหนึ่ง
ในเรื่องของพันธมิตรนั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่าเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศ จำนวน 2-3 ราย เพื่อเป็นการช่วยขยายฐานนักลงทุนให้มากขึ้น สำหรับงานด้านวาณิชธนกิจนั้น บริษัทมีฐานลูกค้า M&A ในมือราว 5-6 ราย และลูกค้า IPO จำนวน 6 ราย
นายสุรพล ขวัญใจธัญญา รองประธานกรรมการบริหาร บล.แอ๊ดคินซัน(ASL) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า การขายใบอนุญาตบล.เอเพกซ์ คาดว่าจะเสนอขายได้แล้วเสร็จในไตรมาส 4 ปีนี้(2550) เพราะจะต้องทำการลดทุนให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน และหากเรียบร้อยก็จะทำให้รายได้ของ ASL เพิ่มมากขึ้นอีก เพราะเป็นรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง
ส่วนผลประกอบการของบริษัทฯในไตรมาส 2/50 เชื่อว่าดีขึ้นกว่าไตรมาสแรก เพราะวอลุ่มตลาดฯเพิ่มขึ้น และบริษัทฯได้มีการปรับปรุงลดค่าใช้จ่ายในช่วงที่ผ่านมาเกี่ยวกับการควบรวมสาขา จาก 65 สาขาเหลือ 39 สาขา และลดพนักงานจาก 870 คน เหลือ 630 คน เพราะฉะนั้นประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก และจุดคุ้มทุนของบริษัทฯอยู่ประมาณ 900 ล้านบาท/วัน แต่ตอนนี้วอลุ่มเทรดได้ขึ้นมาเกือบ 2,000 ล้านบาท/วัน ทำให้รายได้จากนายหน้าค้าหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น มากกว่าเดิมเกือบ 100%
"การควบรวมสาขาทำให้บริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ปีละ 100 กว่าล้านบาท และการปรับปรุงลดพนักงานที่ไม่จำเป็น ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายปีละ 50 กว่าล้านบาท นอกจากนั้นก็ลดพื้นที่สำนักงานใหญ่ให้น้อยลง นี่ก็เป็นการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และก็ได้มีการสร้างรายได้เพิ่ม จากการหาทีมมาร์เก็ตติ้งเพิ่ม หาทีมลูกค้ารายใหญ่เข้ามาเสริม ทั้งลูกค้าในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะลูกค้าต่างประเทศจากที่ไม่เคยมีเลย ก็มีลูกค้าสถาบันต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ก็มีประมาณ 5-6 ราย"นายสุรพล กล่าว
โดยลูกค้าต่างประเทศ เมื่อเดือนที่แล้ว(มิ.ย.)มีวอลุ่มกว่า 1,000 ล้านบาท และเดือนพ.ค.ก็มีวอลุ่ม 500 กว่าล้านบาท จากเดิมที่ไม่เคยมีมาเลยใน ASL ซึ่งทำให้รายได้จากลูกค้าสถาบันต่างประเทศ เข้ามาเสริมรายได้จากลูกค้ารายย่อยภายในประเทศ ซึ่งลูกค้าต่างประเทศจะมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มค่อนข้างมาก หมายถึงศักยภาพการพัฒนาลูกค้าต่างประเทศจะดีขึ้นเรื่อย ๆ และบริษัทฯก็มีทิศทางที่จะหาลูกค้าต่างประเทศมากเพิ่มขึ้น
รองประธานกรรมการบริหาร ASL กล่าวว่า ยังมีรายได้จากพอร์ตลงทุนในหุ้น ซึ่งบริษัทฯมีเงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท เพราะฉะนั้นหุ้นที่เคยราคาลงไปต่ำกว่าราคาต้นทุน มาตอนนี้ก็มีการปรับตัวดีขึ้นมาทำให้สามารถปรับกลับมาเป็นกำไรได้ นอกนั้นจากหุ้นในพอร์ตที่เป็น เทรดดิ้ง พอร์ต ก็มีกำไรมากขึ้น จากดัชนีหุ้นไทยที่ปรับขึ้นมาเป็น 800 กว่าจุด จากเดิมที่อยู่แถว 600 กว่าจุด ทำให้มีกำไรจากพอร์ตลงทุนมากขึ้น
"ยังมีรายได้จากวาณิชธนกิจ(IB)ที่แต่ก่อนไม่มีทีมนี้ มาตอนนี้ก็มีทีมวาณิชธนกิจแล้ว และปัจจุบันก็มีลูกค้า M&A ด้านปรับโครงสร้างหนี้ ด้านระดมทุนต่าง ๆ ประมาณ 5-6 ราย และมีลูกค้า IPO ที่ติดต่อไว้อีกประมาณ 5-6 รายด้วย ซึ่งก็เป็นการเสริมรายได้ของบริษัทฯให้มากขึ้น เพราะฉะนั้นศักยภาพของบริษัทฯตั้งแต่ Q2 เป็นต้นไปน่าจะพลิกฟื้นกลับมาเป็นบวก และในไตรมาส 3/50 วอลุ่มตลาดฯยังมากใกล้ 20,000 ล้านบาท/วัน คิดว่าผลประกอบการของบริษัทฯก็จะเป็นบวกอย่างต่อเนื่องใน Q3, Q4"รองประธานกรรมการบริหาร ASL กล่าว
นายสุรพล กล่าวอีกว่า สำหรับมาร์เก็ตแชร์ของ ASL ขณะนี้อยู่ที่ 2.5% ซึ่งมาร์เก็ตแชร์ของ ASL อาจจะไม่เพิ่ม แต่ปริมาณการซื้อขายต่อวันเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว เพราะวอลุ่มตลาดฯเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากเดิม 12,000 ล้านบาท/วัน มาตอนนี้ใกล้ 20,000 ล้านบาท/วัน ซึ่งถ้าวอลุ่มเทรดของตลาดฯเกิน 15,000 ล้านบาท/วัน ไปได้ก็จะส่งผลดีต่อรายได้ของธุรกิจหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น และศักยภาพในการทำกำไรดีขึ้นด้วย
"เท่าที่ดูหากภาวะการณ์ทางการเมืองคลี่คลายไปแล้ว ก็คิดว่าดัชนีหุ้นไทยที่ทำ new high ในรอบ 10 ปีก็ยังมีโอกาสที่จะปรับขึ้นไปอีก เพราะเราตั้งตลาดฯมา 30 ปีแล้ว ปัจจุบันดัชนีฯจึงยังมีศักยภาพที่จะปรับขึ้นไปได้อีกมาก เหตุผลหลักคือ ที่แล้วมาดัชนีฯของตลาดต่างประเทศได้ขยับขึ้นไปมาก ขณะที่ของเราปัจจัยทางการเมืองทำให้ไม่สามารถปรับขึ้นไปได้ เพราะฉะนั้นนี่ขึ้นมา 825-830 จุด ทำให้เห็นว่ายังมีศักยภาพขึ้นไปได้ เพราะ high ของเรายังเคยขึ้นไปได้ถึง 1,750 จุดเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว"นายสุรพล กล่าว
เหตุผลก็คือพื้นฐานเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง การส่งออกยังประมาณ 18-19% เงินสำรองของประเทศยังมีมาก โครงการเมกะโปรเจคต่าง ๆ ยังมีมาอย่างต่อเนื่อง ความมั่นใจนักลงทุนต่างประเทศมีมากขึ้น รัฐธรรมนูญวันนี้ก็ได้ผ่านมติเป็นเอกฉันท์แล้ว เพราะฉะนั้นก็คงจะมีการเลือกตั้งได้อย่างแน่นอน
นอกจากนั้น ค่า P/E ของไทยเมื่อเทียบกับตลาดเพื่อนบ้านก็อยู่ในระดับต่ำที่สุด จากที่เคยอยู่ระดับ 9 เท่า มาตอนนี้ก็มาเป็น 10 กว่าเท่า ขณะที่ประเทศจีน เวียดนาม ขึ้นไป 30-40 เท่า เพราะฉะนั้นดูรอบด้านแล้วของตลาดหุ้นไทยยังเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนต่างประเทศ จึงเชื่อว่ายังมีเงินทุนไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีแรกสุทธิเข้ามาแสนล้านบาท ความเชื่อมั่นยังมีอยู่ และผลตอบแทนที่ให้จากการลงทุน ก็น่าจะมีส่วนต่างกำไรที่ดี
*คาดหุ้นพุ่ง-วอลุ่มเทรดแน่น เหตุราคาปัจจุบันยังต่ำกว่า BV.
นายสุรพล กล่าวว่า การที่ราคาหุ้น ASL ปรับตัวสูงขึ้น ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาหนาแน่นมาก คาดว่าจะเป็นการเข้ามาเล่นเก็งกำไรของนักลงทุน เนื่องจากเห็นว่าราคาหุ้นปัจจุบันยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี(Book value)ที่ 0.96 บาท/หุ้น และนักลงทุนต่างประเทศก็ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในบริษัทฯด้วย โดยปัจจุบันบริษัทฯอยู่ระหว่างเจรจากับนักลงทุนต่างชาติที่สนใจจะเข้ามาร่วมทุนกับบริษัทฯอยู่ 2-3 ราย
"โบรกเกอร์ที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่า Book ก็เชื่อว่าราคาคงจะขยับขึ้นไปแถว Book หรือใกล้เคียง เพราะบางทีราคาหุ้นจะขึ้นไปมากกว่า Book ประมาณ 1.5 หรือ 2 เท่าของ Book ถ้าเป็นโบรกเกอร์ที่มีฐานลูค้าเยอะหรือมีมาร์เก็ตแชร์เยอะ ก็จะขึ้นไปถึง 1.5 หรือ 2 เท่าของ Book value ได้ แต่ทีนี้ของเราต่ำกว่า Book คนเขาก็เลยเข้ามาเล่นเก็งกำไรกัน"นายสุรพล กล่าว
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.37 น.ราคาหุ้น ASL อยู่ที่ 0.91 บาท เพิ่มขึ้น 0.09 บาท(+10.08%)มูลค่าซื้อขาย 348.23 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 0.83 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 0.92 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุด 0.83 บาท
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--