(แก้ไข) KBANK เผยแบงก์ชาติเมียนมาไฟเขียวร่วมลงทุนเอแบงก์ 35% นับเป็นธนาคารต่างชาติรายแรก รองรับต่างชาติ-ท้องถิ่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday April 11, 2020 11:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า ตามแผนยุทธศาสตร์ในการขยายธุรกิจของธนาคารกสิกรไทย เพื่อก้าวสู่การเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค AEC+3 ด้วยกลยุทธ์ Asset Light and Digital Expansion วันนี้ธนาคารกสิกรไทยได้รับข่าวดีจากการอนุมัติอย่างเป็นทางการโดยธนาคารกลางของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ในการเข้าร่วมลงทุนในสัดส่วน 35% ของธนาคารเอยาวดี ฟาร์มเมอร์ ดีเวลลอปเม้นท์แบงก์ หรือ เอแบงก์ (Ayeyarwaddy Farmers Development Bank – A bank) ซึ่งธนาคารกสิกรไทย เป็นธนาคารต่างชาติรายแรกที่ได้รับการอนุญาตให้เข้าไปลงทุนในธนาคารพาณิชย์ของเมียนมา

การร่วมลงทุนในธนาคารกับเอแบงค์ในครั้งนี้ เป็นรูปแบบการเข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศเมียนมาที่ใช้เงินลงทุนที่น้อยและมีประสิทธิผลกว่าการเข้าไปดำเนินธุรกิจในรูปแบบสาขาต่างประเทศและธนาคารท้องถิ่น โดยการเข้าไปร่วมลงทุนในเอแบงค์สามารถดำเนินธุรกิจได้ทันที และจะเป็นการต่อยอดศักยภาพของเอแบงก์ที่เป็นธนาคารท้องถิ่นรุ่นใหม่ที่เติบโตเร็ว มุ่งเน้นการใช้นวัตกรรมมาให้บริการ มีความเข้าใจในทุกกลุ่มลูกค้าชาวเมียนมา กับจุดแข็งของธนาคารกสิกรไทย ที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นผู้นำการให้บริการกลุ่มลูกค้าบุคคล กลุ่มเอสเอ็มอี การให้บริการดิจิทัลแบงกิ้งรวมถึงกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ มีบริการทางการเงินที่มีความหลากหลาย

เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งนักลงทุนต่างชาติ (FDI) บรรษัทขนาดใหญ่ เอสเอ็มอี และลูกค้าบุคคลในประเทศเมียนมา ผ่านช่องทางสาขา 18 สาขา ครอบคลุมทุกเมืองหลักอาทิเช่น ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ เมียวดี เมาะลำไย(อิระวดี) รวมทั้งมีแผนกลยุทธ์ขยายธุรกิจดิจิทัลแบงกิ้งที่สามารถให้บริการทั้งกลุ่มลูกค้าปัจจุบันของธนาคารและกลุ่มลูกค้าอีกจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ โดยยึดมั่นในปรัชญา Beyond Banking ที่อยู่เคียงข้างลูกค้าช่วยพัฒนาศักยภาพของบุคคลและธุรกิจแบบยั่งยืน

ทั้งนี้ เอแบงก์ ปัจจุบันมีสินทรัพย์ 314 พันล้านจ๊าด หรือ 6.4 พันล้านบาท มีทุนจดทะเบียน 40 พันล้านจ๊าด หรือ 820 ล้านบาท ก่อตั้งเมื่อปี 2557 เป็นธนาคารที่มีความเข้าใจความต้องการของลูกค้าบุคคลและธุรกิจเมียนมาในเชิงลึก มีวิสัยทัศน์และแนวทางการทำธุรกิจที่สอดคล้องกับธนาคารกสิกรไทย ในการผนึกกำลังเพื่อส่งมอบบริการที่ยั่งยืนให้แก่ชาวเมียนมา ด้วยบริการทางการเงินที่มีความหลากหลายในประเทศเมียนมา โดยมีเป้าหมายสำคัญ ดังนี้

การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไทยและเมียนมาผ่านการเป็นพันธมิตรและเครือข่ายของธนาคารกสิกรไทย เพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่ธุรกิจระหว่างประเทศและธนาคารเมียนมา

การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองกลุ่มลูกค้าท้องถิ่นในเมียนมา เพื่อสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น (Financial Inclusion) ผ่านการพัฒนาโครงการซัพพลายเชนไฟแนนซ์ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจท้องถิ่น อันจะเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ

การขยายธุรกิจธนาคารดิจิทัล ที่มุ่งเน้นการพัฒนาระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งในส่วนของการพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่น เพื่อครอบคลุมลูกค้าส่วนบุคคลทั่วประเทศ ซึ่งยังมีสัดส่วนในการเข้าถึงธนาคารค่อนข้างต่ำ รวมถึงธุรกิจรับชำระเงิน เพื่อตอบโจทย์การชำระสินค้าและบริการ ซึ่งจะช่วยลดภาระในการใช้และบริหารเงินสดในประเทศ

การมุ่งเน้นสร้างช่องทางของธนาคาร เพื่อให้ลูกค้าส่วนบุคคลสามารถเข้าถึงและทำธุรกรรมได้ ผ่านช่องทางธนาคารตัวแทน (Agent Banking) และการขยายจำนวนเครื่อง ATM

นายภัทรพงศ์ กล่าวสรุปตอนท้ายว่า รูปแบบของการร่วมลงทุนในครั้งนี้จะเป็นเพิ่มทุนให้กับเอแบงค์ ซึ่งจะส่งผลให้เอแบงค์มีฐานของเงินทุนในการดำเนินธุรกิจที่เข้มแข็งขึ้น โดยการลงทุนครั้งนี้จะดำเนินการผ่าน บริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด ซึ่งธนาคารกสิกรไทยถือครองหุ้น 100% เป็นบริษัทลงทุน (Investment Holding Company) นอกประเทศไทย มีงบลงทุน ประมาณ 14,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในต่างประเทศ ให้กับธนาคารกสิกรไทย

นอกจากนี้การมีโอกาสเข้าร่วมถือหุ้นในเอแบงก์ จะช่วยเพิ่มสร้างความหลากหลายในการให้บริการการเงิน เสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของเมียนมา เพื่อต่อยอดธุรกิจของธนาคารฯ ในเมียนมาที่จะเชื่อมเครือข่ายธุรกิจและระบบชำระเงิน ตามยุทธศาสตร์การทำธุรกิจในอนาคตของธนาคารกสิกรไทย ที่จะมุ่งเน้นขยายเครือข่ายการให้บริการแก่ลูกค้าท้องถิ่น นักธุรกิจไทยและต่างชาติที่ขยายธุรกิจไปในประเทศ AEC+3 (เออีซี จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ