KCE คาดปี 50 พลิกมีกำไรจากยอดขายโต 20%/H2 ขยายกำลังการผลิตเพิ่ม

          บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) คาดปี 50 บริษัทจะพลิกมีกำไร จากปีก่อนที่ขาดทุน 116.35 ล้านบาท จากการเติบโตของยอดขายปีนี้ที่ 20% อยู่ที่ 240 ล้านดอลลาร์ จากปีก่อน 200 ล้านดอลลาร์ และ อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 19-20% คาดแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังมีกำไรดีกว่าครึ่งปีแรกจากการขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก 3 แสนตารางฟุตต่อเดือน
          "ปีนี้น่าจะพลิกเป็นกำไรแน่ เพราะไตรมาส 1 มีกำไร 54 ล้านบาทแล้ว ไตรมาส 2 กำไรน่าจะดีกว่าไตรมาส 1 ส่วนไตรมาส 3-4 ธุรกิจของเราน่าจะดีขึ้น เพราะบริษัทไม่เคยมีปัญหาเรื่องยอดขาย และมีกำลังการผลิตที่เพิ่มเข้ามา ผลประกอบการในครึ่งปีหลังควรจะดีกว่าครึ่งปีแรก" นายปัญจะ เสนาดิสัย กรรมการ KCE กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
          บริษัทคาดว่าปีนี้จะมีรายได้ประมาณ 240 ล้านเหรียญสหรัฐ จากปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโต 20% กว่า โดยจะมีสัดส่วนส่งออกประมาณ 95% 
          และอัตรากำไรขั้นต้น ปีนี้หวังว่าจะได้ประมาณ 19-20% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 18% ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเพิ่มมากขึ้นด้วย
          ส่วนปัจจัยค่าเงินบาทในครึ่งปีหลังนี้ มองว่าถ้าไม่แกว่งมากก็คงไม่มีปัญหา คาดหวังว่าเงินบาทจะไม่แข็งค่ามากกว่านี้และอย่าแกว่งขึ้นแกว่งลงเร็ว 
          "ยอดขายที่เพิ่มเข้ามานี้รวมกำลังการผลิตที่จะเพิ่มแล้ว จากปีที่แล้วยอดขายได้ประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันกำลังการผลิตของทุกโรงงานจะอยู่ที่ 2.1  ล้านตารางฟุต ส่วนปีหน้าหลังเพิ่มกำลังการผลิตได้ทั้งปี ก็ยังมองกำลังการผลิตตรงนี้ไปก่อนเพราะเราเพิ่งขยายกำลังการผลิตไป" นายปัจจะกล่าว 
          ทั้งนี้ บริษัทไม่เคยมีปัญหาเรื่องยอดขาย ผลิตได้เท่าไรก็ขายได้หมด โดยลูกค้าหลักเป็นกลุ่มรถยนต์ 60%  โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้ายุโรป ขณะที่อุตสาหกรรม PCB ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 
          "ในเรื่องของออเดอร์เพิ่มไม่ต้องเป็นห่วง  ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการขายมีเท่าไรก็ขายได้หมด"นายปัจจะกล่าว
**ครึ่งปีหลังกำลังการผลิตเพิ่ม
          ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิต และคาดว่าครึ่งปีหลังจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3 แสนตารางฟุตต่อเดือน โดยเพิ่มทั้ง 2 โรง โรงละ 1.5 แสนตารางฟุตต่อเดือน คือที่โรงงาน KCE (ลาดกระบัง) เดิมกำลังการผลิตอยู่ที่ 4.5 แสนฟุตตารางฟุต ก็จะเพิ่มเป็น 6 แสนตารางฟุตต่อเดือน 
          และที่โรงงาน KCE Technology (นิคมฯไฮเทค อยุธยา) จาก 9 แสนตารางฟุต เพิ่มอีก 1.5 แสนตารางฟุต ก็เป็น 1.05 ล้านตารางฟุต ส่งผลให้มีกำลังการผลิตรวม 2.1 ล้านตารางฟุต/เดือน ดังนั้น ปีนี้ไม่มีงบลงทุนใหม่ หลังขยายกำลังการผลิตไปแล้ว 
          ในส่วนของการควบคุมอัตราของเสียของบริษัทที่เคยเป็นปัจจัยที่กำหนดความสามารถในการทำกำไรของบริษัทด้วยนั้น ตอนนี้ดีขึ้นเยอะ โดยปีนี้ลดลงเหลือ 6% จากปีก่อนประมาณ 10% ประกอบกับราคาขายของโปรดักส์เราก็ขยับขึ้นมาแล้วประมาณ 12% จากปลายปี 49 แต่ในอนาคตอันใกล้นี้คิดว่ายังไม่มีแนวโน้มจะปรับราคาอีก ยังคงไว้ที่เดิมก่อนเพราะเพิ่งขยับขึ้น
          "กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นมาไม่น่าจะมีผลต่ออัตราของเสียเยอะมากเพราะกำลังการผลิตเพิ่มเล็กน้อยเท่านั้น ไม่น่าเป็นห่วง ถือว่ากำลังการผลิตเพิ่มแค่จิ๊บจ๊อย เพราะเราไม่ได้ขยายโรงงาน"
          KCE ทำธุรกิจรับจ้างผลิตชิ้นส่วนแผ่นพิมพ์วงจรอีเล็คโทรนิคส์ (PCB) ให้กับเจ้าของผลิตภัณฑ์ชั้นนำของโลก ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรม Consumer Electronics กำลังการผลิตรวม 2.16 ล้านตารางฟุต/เดือน
**Fundamental ดีดันหุ้นพุ่ง
          ส่วนกรณีที่โบรกฯมองหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้และมีการเพิ่มน้ำหนักลงทุนมากกว่าตลาดนั้น นายปัจจะกล่าว่า ราคาหุ้นปรับขึ้นแรงในช่วงนี้ น่าจะเป็นเพราะ Fundamental ดี ปีนี้พื้นฐานดีขึ้น
          "Fundamental ดี โดยราคา BV อยู่ที่ 6 บาท แต่ตอนนี้ราคาหุ้นอยู่แค่ 3 บาทกว่าเอง ราคายังต่ำกว่า BV มองว่าราคาหุ้นควรจะเกิน BV ได้ เพราะปีนี้ Fundamental ก็ดี โดยราคา 6 บาทเทียบกับ BV ที่ยังไม่ถูก Dilution ซึ่งลูกหุ้นเข้าเทรดต้นก.ค. โดยลูกหุ้นประมาณ 170 ล้านหุ้น เดิมมีทุน 315 ล้านหุ้น ราคาหุ้นอาจจะได้รับผลกระทบจากการ Dilution บ้างเล็กน้อย แต่คิดว่า Fundamental ดีก็คงไม่เป็นไร" นายปัญจะกล่าว 
          ราคหุ้น KCE ไต่ขึ้นมาตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาและมูลค่าการซื้อขายมากขึ้นจากแต่ก่อน โดยเมื่อ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมาราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 3.90 บาท ทำนิวไฮในรอบ 1 ปี 2 เดือน 
          ล่าสุด ราคาหุ้นเช้านี้ปิดที่ 3.76 บาท บวก 0.02 บาท (+0.53%)