นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวน โดยดัชนีฯมีโอกาสที่จะเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ เนื่องจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างติดลบกันเล็กน้อยราว 0.3-1.0% เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ติดลบกว่า 300 จุดเช้านี้ จากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ ที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นสูง แม้ว่าทางยุโรปจะเริ่มคลี่คลายแล้ว ส่วนทางฝั่งจีนจำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาสูงขึ้นอีกกว่า 2 เท่าของวันก่อนหน้า มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 99 ราย ทำให้กลัวจะมีการแพร่ระบาดระลอก 2
ส่วนผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส รอบ 2 เมื่อวานนี้ได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันฟิวเจอร์สปรับตัวขึ้น 5% เช้านี้ ซึ่งก็น่าจะช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมี ได้
อย่างไรก็ดี ตลาดฯอาจได้รับแรงถ่วงจากหุ้นในกลุ่มแบงก์ เนื่องจากใกล้จะประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/63 ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งคาดว่าจะออกมาไม่ดี โดยทั้งกลุ่มแบงก์คาดว่าผลการดำเนินงานจะปรับตัวลง 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในไทยดีขึ้น ทำให้เป็นผลดีต่อหุ้นจำพวก Domestic Plays
พร้อมให้แนวรับ 1,217 จุด ส่วนแนวต้าน 1,243 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายในวันศุกร์ที่ 10 เม.ย. เนื่องในวัน Good Friday
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 186.46 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 12.03 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 10.05 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 7.40 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 9.91 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.44 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 41.13 จุด
ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวัน Easter Monday
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 เม.ย.63) 1,228.03 จุด เพิ่มขึ้น 17.55 จุด (+1.45%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,188.76 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 เม.ย.63
- ตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการซื้อขายในวันศุกร์ที่ 10 เม.ย. เนื่องในวัน Good Friday
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 เม.ย.) อยู่ที่ -0.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.72 ธุรกรรมเบาบาง หลังหลายตลาดหยุดเทศกาลอีสเตอร์ มองกรอบวันนี้ 32.60-32.80
- โบรกเกอร์ คาดกำไรแบงก์ไตรมาสแรกทรุด 12-14% ผลกระทบ "โควิด-19" ฉุดเศรษฐกิจชะลอ สินเชื่อ อ่อนตัว "ทรีนีตี้" คาดกำไรอยู่ที่ 3.41 หมื่นล้านบาท ลดลง 12.12% "ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี" คาดกลุ่มแบงก์ตั้งสำรองเพิ่ม 12% หรือ 29,924 ล้านบาท พร้อมแนะเลี่ยงลงทุน
- รฟท. ชงบอร์ด ขยายกรอบเวลาสัญญา 2.3 รถไฟไทย-จีน ออกไปถึง ต.ค. 63 หลัง "โควิด-19" ระบาด ทำเจรจาเงื่อนไขเงินกู้สะดุด ขณะที่คาด 16 เม.ย. "บอร์ด รฟท." เตรียมเซ็นสัญญาจ้าง "นิรุฒ มณีพันธ์" ผู้ว่าฯรฟท.เริ่มงานปลาย เม.ย.
- นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยว่า ต้องติดตามแนวโน้มภาคการผลิตของไทยอย่างใกล้ชิด เพราะเริ่มเข้าสู่ภาวะอ่อนแอพบว่า เดือน ก.พ. 63 คลัสเตอร์อุตสาหกรรมหลัก 14 คลัสเตอร์ ยังมีมูลค่าส่งออกติดลบต่อเนื่อง เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เครื่องนุ่งห่ม เหล็ก เครื่องสำอาง หากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ยังยืดเยื้ออีก 1-2 เดือน จะส่งผลกระทบให้กิจการรายกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) อาจปิดตัวลง หรือเลิกจ้างพนักงานเพิ่มขึ้น
- นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีที่องค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) คาดการณ์การค้าสินค้าของโลกในปี 63 จะติดลบ 13-32% เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ถือเป็นอัตราการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 10 ปี นับจากวิกฤติซับไพรม์เมื่อปี 51-52 ว่า เมื่อการค้าโลกลดลงย่อมส่งผลต่อการส่งออกไทยด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะทำให้การส่งออกของไทยติดลบ หรือขยายตัวเป็นบวกได้ตามเป้าหมายหรือไม่
*หุ้นเด่นวันนี้
- TAPAC-W4 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของ บมจ.ทาพาโก้ (TAPAC)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 205,931,725 หน่วย ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท/หน่วย อายุ 2 ปี โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาใช้สิทธิ 9 บาท/หุ้น กำหนดใช้สิทธิครั้งแรก วันที่ 30 มิ.ย.63 และใช้สิทธิครั้งสุดท้าย วันที่ 18 มี.ค.65
- CPF (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 36 บาท แนวโน้มกำไรสุทธิ Q1/63 สดใส คาด +10% Q-Q, +3% Y-Y เป็น 4.41 พันล้านบาท ตามราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับขึ้น (หมูไทยและเวียดนามปรับขึ้เฉลี่ย 18-20% Q-Q, ไก่ไทย +20% Q-Q) และการขนส่งยังทำได้ปกติ โดยเริ่มเห็นผลกระทบเดือน เม.ย. ที่ราคาเนื้อสัตว์อ่อนลงแต่ยังสูงกว่าต้นทุนการเลี้ยงมาก ทั้งนี้ยังคงกำไรปีนี้ไว้ก่อน กำไรสุทธิ +4% Y-Y กำไรปกติ +16% Y-Y ประมาณการอาจมี downside แต่เชื่อว่าจำกัดเพราะอาหารเป็นปัจจัยสี่
- IVL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 38 บาท คาดกำไรสุทธิ Q1/63 โดดเด่นสุดหากเทียบกับผลประกอบการของกลุ่มปิโตรฯและกลุ่มโรงกลั่นซึ่งคาดว่า Q1/63 จะมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันดิบจำนวนมาก เบื้องต้นคาดว่า IVL จะพลิกมีกำไรสุทธิ 1.9 พันล้านบาทใน Q1/63 เทียบกับขาดทุนสุทธิ 1.5 พันล้านบาทใน Q4/62 ได้แรงหนุนจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น และ PTA - PET Spread สูงขึ้นโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย