หุ้น MINT ราคาพุ่งขึ้น 6.32% มาอยู่ที่ 20.20 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,169.90 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.21 น. โดยเปิดตลาดที่ 19.30 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 20.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 19.20 บาท
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ถือ"หุ้น บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 23.00 บาท (จาก 39.00 บาท) ราคาหุ้น MINT ได้ปรับตัวขึ้นมา 48% จากจุดที่ต่ำที่สุดเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 63 โดยการปรับตัวสูงขึ้นจากจุดต่ำสุดนั้น มองว่าเป็นการฟื้นตัวในระยะสั้นตามตลาดโดยรวม แต่เนื่องจากผลประกอบการในปี 63 จะยังคงถูกกดดันต่อเนื่องไปจนกว่าสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 จะคลี่คลาย ด้านสภาพคล่องยังไม่น่าเป็นกังวลเนื่องจาก MINT ยังมีเงินสดในมืออยู่ 1.3 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 62 และยังมีวงเงินให้กู้เพิ่มได้อีก 3.9 หมื่นล้านบาท และ MINT ได้ยกเลิกการจ่ายเงินปันผล 0.50 บาท ส่งผลให้มีเงินสดเพิ่ม 2.3 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ได้ปรับลดคาดการณ์รายได้และกำไรสุทธิของปี 63-64 ลงจากผลกระทบของการระบาดของโควิด-19 ที่ยาวนานกว่าที่เคยคาดไว้ แม้ว่าล่าสุดในวันที่ 12 เม.ย. 63 จะมียอดผู้ติดเชื้อในประเทศลดลงมาอยู่ที่ 35 ราย จากเฉลี่ยที่วันละ 100 รายในช่วงปลายเดือนมี.ค. 63 แต่เชื่อว่าคนไทยจะยังคงกักตัวเอง เนื่องจากยังมีความเสี่ยงจากคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และจากการอิงรายได้จากปี 62 MINT มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มโรงแรมอยู่ที่กว่า 70% และการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อกลุ่มท่องเที่ยวมากที่สุด
จึงได้ปรับประมาณการใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด อย่างไรก็ดี หากการระบาดสามารถควบคุมได้ภายในไตรมาส 3/63 การท่องเที่ยวในประเทศจะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง แต่เนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 ในวงกว้างและทั่วโลก ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้บริโภคมีการใช้เงินอย่างระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น และอาจชะลอการท่องเที่ยวออกไปก่อน ส่งผลให้การท่องเที่ยวอาจไม่ได้รับผลประโยขน์เต็มๆในช่วง High Season ตอนปลายปี
เนื่องจาก โควิด-19 ระบาดรุนแรงในช่วงกลางเดือนมี.ค. 63 ส่งผลให้คาดว่าในไตรมาส 2/63 จะเป็นไตรมาสที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดทั้งกลุ่มโรงแรมและร้านอาหารที่อาจปิดบริการถึงเดือนพ.ค. 63 และเนื่องจากผลกระทบของ โควิด-19 ส่งผลให้มีการลดการจ้างงานลง โดยเชื่อว่า Purchasing Power ในช่วงไตรมาส 2/63 จะเป็นช่วงที่ต่ำที่สุดแม้ว่าจะมีเงิน 5,000 บาท จากรัฐบาลมาช่วยผู้ที่ได้รับผลกระทบ แต่เงินนี้จะถูกใช้สอยอย่างระมัดระวัง ส่งผลให้ยอด SSSG ของร้านอาหารจะอ่อนแอต่อเนื่องและส่งผลต่อค้าปลีกที่แม้ว่าจะมีสัดส่วนรายได้เพียง 4% ของรายได้รวมของ MINT ที่อาจต้องใช้กลยุทธ์ในการลดราคาเพื่อหนุนยอดขาย