(เพิ่มเติม) TMB เชื่อเพิ่มทุนทันสิ้นปีนี้/คาดพอร์ตสินเชื่อลดลง 5-10%จากสิ้นปี 49

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 10, 2007 13:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย (TMB) คาดว่าจะได้เงินเพิ่มทุนเข้ามาทันภายในสิ้นปีนี้ ไม่ว่าแผนเพิ่มทุนจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 หรือเลื่อนออกไปเป็นไตรมาส 4 ก็ถือว่าไม่แตกต่างกันมากนัก ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารที่ 10.6% ยังเพียงพอไปอย่างน้อยถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งสูงเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)
"การที่ CAR เราอยู่ในระดับนี้มาจนถึงตอนนี้ เนื่องจากว่าตั้งแต่ต้นปีนี้มาเศรษฐกิจเราไม่เอื้ออำนวย ลูกค้าดีก็ไม่ใช้เงินและมีการชำระคืน ประกอบกับมีการขาย NPA ทำให้สินเชื่อรวมของธนาคารทั้งปีจะลดลง 4 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 5-10% ของยอด Outstanding เมื่อสิ้นปี 49 แต่สัดส่วนสินเชื่อดีต่อหนี้เสียจะดีขึ้น"นายสุภัค กล่าว
นายสุภัค กล่าวว่า ปีนี้ยอดคงค้างสินเชื่อรายใหญ่อาจปรับลดลงเนื่องจากมีการชำระคืน ส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอีล่าสุดปรับลดลงไป 5 พันล้านบาท ขณะที่สินเชื่อรายย่อย ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 4 พันล้านบาท (เพิ่มจากยอด Outstanding ตั้งแต่ต้นปี-ตอนนี้)
ปีนี้ธนาคารตั้งเป้าว่าจะขยายสินเชื่อรายย่อย 1.6 หมื่นล้านบาท เอสเอ็มอี 1 หมื่นล้านบาท สินเชื่อธุรกิจ 7-8 พันล้านบาท
นายสุภัค กล่าวถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าในปัจจุบันนี้ ยอมรับว่ากระทบกับผู้ส่งออก โดยเฉพาะสิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งธนาคารได้ให้คำแนะนำลูกค้าในการสร้างแบรนด์ ดีไซน์ให้กับสินค้า รวมทั้งลดค่าใช้จ่าย
สำหรับการแข็งค่าของเงินบาทเป็นผลจาก 2-3 ปัจจัย ได้แก่ เงินทุนไหลเข้ามาในตลาดหุ้น, นักลงทุนต่างประเทศมองว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว และ แนวโน้มการอ่อนค่าของดอลลาร์ ทำให้มีเงินทุนจากสหรัฐไหลเข้ามาในภูมิภาค รวมทั้งไทยด้วย
แต่ยอมรับว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันไม่ได้อยู่ในระดับที่ทำให้บาทแข็งถึงระดับนี้ เห็นได้จากการบริโภคที่อยู่ในระดับต่ำ การบริโภคภาครัฐเองก็ยังขยายตัวไม่เต็มที่ การส่งออกแม้จะขยายตัวได้สูงถึง 20% แต่เป็นการขยายตัวในแง่ของมูลค่าเป็นดอลลาร์ แต่หากคิดในแง่ของเงินบาทแล้ว ภาคการส่งออกยังถือว่าทรงๆ
"ตอนนี้ค่าเงินบาทที่แข็งค่ามีผลต่อการชำระหนี้ของลูกค้าธนาคารเหมือนกัน โดยเฉพาะธุรกิจ เอสเอ็มอีขนาดเล็ก เนื่องจากมีอำนาจในการต่อรองต่ำ" นายสุภัค กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายสุภัค มองว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)วันที่ 18 ก.ค.นี้ น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม เพราะครั้งล่าสุดปรับลดลงไปอีก 0.50% และธปท.ระบุว่าเป็นระดับที่ต่ำแล้ว หลังจากนี้น่าจะเป็นช่วงที่รอดูผลจากการลดอัตราดอกเบี้ย ที่ต้องใช้เวลาประมาณ 5-6 เดือนในการส่งผ่านนโยบายการเงิน ประกอบกับในตลาดพันธบัตร yield curve ก็ถือว่าลงไปต่ำสุดแล้ว
ท้ายที่สุด นายสุภัค ปฏิเสธที่จะกล่าวถึงกระแสข่าวการปรับโครงสร้างผู้บริหารธนาคารก่อนการเพิ่มทุน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ