นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทเตรียมปรับลดเป้าหมายรายได้ในปี 63 ในช่วงเดือน พ.ค.นี้ จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้ราว 5% หลังเศรษฐกิจส่งสัญญาณชะลอตัวมาตั้งแต่ต้นปี และปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลกระทบกับเกษตรกร อีกทั้งยังถูกซ้ำเติมด้วยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลทำให้ประชาชนใช้จ่ายน้อยลง กระทบกับการเติมเงินผ่านตู้บุญเติมลดลงไปด้วย ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาทางภาครัฐก็มีการสนับสนุนการใช้งานอินเตอร์เน็ตโทรศัพท์มือถือฟรี 10 GB ให้กับประชาชนเป็นระยะเวลา 30 วัน ส่งผลทำให้คนไม่มาเติมเงินผ่านตู้ หรือจากเดิมที่เคยเติมเงินจำนวนมาก ก็เติมเงินในจำนวนที่น้อยลง ขณะที่การทำธุรกรรม หรือการโอนเงินผ่านตู้บุญเติมก็ลดลงเช่นกัน
เดิมบริษัทตั้งเป้าธุรกิจการให้บริการทางการเงิน (Banking Agent) ผ่านตู้บุญเติมในปีนี้คาดว่าเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% หรือจะมียอดการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 18 ล้านรายการ คิดเป็นเม็ดเงินราว 10,000 ล้านบาท หรือมีรายได้มากกว่า 500 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีการทำธุรกรรมทั้งสิ้น 12 ล้านรายการ คิดเป็นเม็ดเงินในการทำธุรกรรมทั้งสิ้น 7,000 ล้านบาท และการเติมเงินผ่านตู้บุญเติมในปีนี้คาดเติบโต 5% มาอยู่ที่ 42,000 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 40,000 ล้านบาท โดยเป้าหมายดังกล่าวจะมีการทบทวนใหม่ทั้งหมด เนื่องจากผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ ทำให้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
"เป้าหมายที่เราเคยตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปี เราไม่ได้คำนึงถึงโควิด-19 เลย แต่พอเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก็กระทบกับรากหญ้าค่อนข้างมาก ซึ่งเราก็จะมีการทบทวนเป้าหมายใหม่ แต่ขอดูสถานการณ์ฯ สิ้นเดือนเม.ย.นี้ก่อน หากฟื้นกลับมาได้เร็ว เป้ายอดเติมที่เราตั้งเป้าไว้ก็อาจจะลดลงไม่มาก แต่ถ้าช้าก็อาจจะมากหน่อย" นายณรงค์ศักดิ์กล่าว
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/63 บริษัทยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส-19 ในช่วงปลายก.พ. ถึงเดือนมี.ค.63 ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/63 หากสถานการณ์คลี่คลายได้เร็วก็น่าจะส่งผลไม่มาก แต่ถ้ายืดเยื้อออกไปก็อาจจะส่งผลกระทบกับบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาบริษัทได้มีการจำหน่ายประกันโควิด-19 ผ่านหน้าตู้บุญเติม โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับทิพยประกันภัย ซึ่งถือเป็นรายแรกที่มีการขายประกันฯ ผ่านหน้าตู้ คาดว่าน่าจะได้รับผลตอบรับที่ดี เนื่องจากเบี้ยถูกที่สุดอยู่ที่ 150 บาท ประกอบกับตู้บุญเติมก็กระจายไปทุกพื้นที่ทำให้เข้าถึงได้ไม่ยาก
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เชื่อว่าธุรกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แต่จะเข้าทางกับธุรกิจของ FSMART มากขึ้น โดยเฉพาะตู้อัตโนมัติ หรือการขายสินค้าผ่านตู้ เช่น ขายน้ำ กาแฟ, ขนมขบเคี้ยว รวมถึงการโอนเงิน ฝากเงินผ่านตู้บุญเติม ซึ่งหารให้บริการผ่านตู้บุญเติมถือว่ามีความพร้อมอยู่แล้ว โดยในไตรมาส 3/63 บริษัทเตรียมเพิ่มการให้บริการถอนเงินผ่านตู้ด้วย ขณะเดียวกันตู้เติมน้ำมันก็จะเริ่มให้บริการในปลายไตรมาส 2 นี้
"เราคิดว่าตู้อัตโนมัติที่ขายสินค้า ขายบริการต่าง ๆ เทรนเริ่มไปทางนี้เยอะ เนื่องด้วยคนเริ่มมีระยะห่างทางสังคมมากขึ้น" นายณรงค์ศักดิ์กล่าว