ECF คาด Q1/63 รับผลกระทบโควิดระยะสั้น หันขยายช่องทางออนไลน์เพิ่ม ,เตรียมสร้างโรงไฟฟ้ามินบู เฟส 2 ใน Q2/63

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 15, 2020 14:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจช่วงไตรมาส 1/63 ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ตลาดในประเทศ ได้รับผลกระทบระยะสั้นจากลูกค้ากลุ่มโมเดิร์นเทรดที่ต้องปิดสาขาชั่วคราวตามคำสั่งรัฐ การปรับกลยุทธ์ของบริษัทในขณะนี้ คือ พัฒนารูปแบบสินค้าเฟอร์นิเจอร์เพื่อเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานให้มากขึ้น อาทิ การเพิ่มปลั๊กไฟ หรือช่องเสียบ USB สำหรับโต๊ะรับประทานอาหาร โต๊ะประชุม ชั้นวางของแบบฝังลำโพง เป็นต้น เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีความจำเป็นต้องอยู่บ้าน และทำงานจากที่บ้าน (Work from home) มากขึ้น

รวมถึงการเพิ่มจำนวนสินค้าเพื่อเสนอขายผ่านช่องทางออนไลน์ www.elegathai.com และร้านค้าปลีกทั่วประเทศ ให้มากขึ้นจากเดิม ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ประชาชนจะใช้เวลาอยู่กับบ้านเพื่อสั่งซื้อสินค้าออนไลน์แทนการออกไปจับจ่ายใช้สอยนอกบ้าน ซึ่งช่วงที่ผ่านมาแนวโน้มยอดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ตลาดต่างประเทศยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่อย่างใด และยังนับเป็นโอกาสที่กลุ่มลูกค้าต่างประเทศ เริ่มตระหนักถึงการลดการพึ่งพาโรงงานผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์เพียงรายใดรายหนึ่ง ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าที่มีการสั่งผลิตในประเทศมาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งเป็นคู่แข่งที่สำคัญของไทย เริ่มมีการติดต่อเข้ามาเพื่อขอให้เสนอราคาสินค้ามากขึ้น ซึ่งหากการเจรจาซื้อขายเป็นผลสำเร็จ ก็จะช่วยเปิดโอกาสให้บริษัทมีลูกค้ารายใหม่จากต่างประเทศ

อย่างไรก็ตามออร์เดอร์สินค้าจากประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหม่ที่เริ่มสั่งซื้อกับบริษัทมีการหยุดชะงักชั่วคราว เนื่องจากการปิดประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ เพราะมีสัดส่วนการสั่งซื้อในปริมาณไม่มาก คาดว่าหากอินเดียเริ่มเปิดประเทศได้อีกครั้ง โอกาสในการสั่งซื้อสินค้าก็จะเริ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

ส่วนธุรกิจพลังงานทดแทนมีแนวโน้มที่ดีเนื่องจากเริ่มรับรู้รายได้ในเชิงพาณิชย์แล้ว โดยในปีนี้ คาดว่าจะเห็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมารับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลภาคใต้ขนาด 7.5 เมกะวัตต์ (MW) ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 เมกะวัตต์ มินบู ประเทศเมียนมา ในช่วงเริ่มต้นของการจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ของเฟสที่ 1 ขนาด 50 เมกะวัตต์แรก ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. 62 สามารถรับรู้รายได้ค่าไฟฟ้าโดยเฉลี่ยมากกว่า 20 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งในส่วนการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าที่เมียนมา บริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้น 20% ก็จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเข้ามาที่งบการเงิน

ทั้งนี้บริษัทมีแผนจะเริ่มการก่อสร้าง เฟสที่ 2 ภายในไตรมาสที่ 2 นี้ อีกทั้งจะเน้นการบริหารจัดการเพื่อให้สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งหากครบทั้ง 4 เฟส บริษัทคาดการณ์รับรู้ส่วนแบ่งกำไรอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 80-100 ล้านบาทต่อปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ