นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้แตะระดับ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยจะมาจากธุรกิจสายไฟฟ้าในเวียดนามราว 1.2 หมื่นล้านบาท ธุรกิจสายไฟฟ้าจากเฟ้ลปส์ ดอด์จ ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท และรายได้จากบริษัท อดิสร สงขลา จำกัด บริษัทย่อยที่ถือหุ้น 100% ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านทรัพยากรบุคคล โดยมุ่งเน้นบุคลากรในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ไม่น้อยกว่า 1.5 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ในปี 63 นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของบริษัท จากเริ่มเดินหน้าซื้อกิจการตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา หลังปรับโครงสร้างทุนและธุรกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ล่าสุดเมื่อวานนี้บริษัท อดิสร สงขลา ได้สัญญาจากบริษัทน้ำมันชั้นนำของโลก อาทิ เชฟรอน และบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) มูลค่ากว่า 4.33 พันล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของอดิสร สงขลา อย่างชัดเจน และก้าวกระโดด จากปี 62 มีรายได้ประมาณ 1.5 พันล้านบาท
นอกจากนี้ที่ผ่านมา บริษัทยังได้ซื้อกิจการสายไฟอันดับ 1 ที่เวียดนาม (Thipa) มูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท และซื้อหุ้นบริษัท ไทย เคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล (TCI) ผู้ผลิตสายไฟขนาดเล็ก มูลค่ากว่า 540 ล้านบาท ในประเทศไทย ผ่านบริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์ ) หรือ PDITL ซึ่งเป็นบริษัทที่ STARK ถือหุ้น 99.9%
"การซื้อสองกิจการผลิตสายไฟฟ้าเข้ามา ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของ STARK โดยเริ่มรับรู้รายได้จากทั้งสองกิจการ ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป ทำให้มั่นใจได้ว่า รายได้ของ STARK จะโตเกินกว่า 100% และคาดว่ากลุ่มธุรกิจสายไฟของ STARK จะติด Top 10 ของโลกในไม่ช้า"นายชนินทร์ กล่าว
นายชนินทร์ กล่าวอีกว่า อัตรากำไรคาดว่าจะดีขึ้นจาก synergy ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น อาทิ การรวมคำสั่งซื้อวัตถุดิบ และ การขยายตลาดที่มีผลิตภัณฑ์ หลากหลายที่ เฟ้ลปส์ ดอด์จ ไม่เคยทำ ส่งผลให้กำไรจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อนหน้า