นายสัมฤทธิ์ สำเนียง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและการบัญชี บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า สแตนดาร์ด แอนด์ พัวส์ เรทติ้ง กรุ๊ป (S&P) ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก ได้ทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทในกลุ่มธุรกิจน้ำมันทั่วโลกรวมถึง ปตท.สผ. ด้วย
ทั้งนี้ S&P ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของ ปตท.สผ. ไว้ที่ระดับ "BBB+" เท่ากับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย โดยมีการปรับระดับความน่าเชื่อถือตามแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือภาพรวมของประเทศไทยจาก "เชิงบวก" (Positive outlook) เป็น "มีเสถียรภาพ" (Stable outlook)
S&P ระบุว่าปัจจัยหลักที่ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของ ปตท.สผ. เนื่องจากโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของ ปตท.สผ. มีระยะเวลาในการปรับราคา (Lag time) ราคาก๊าซฯจึงยังไม่ถูกกระทบจากราคาน้ำมันอย่างมีนัยในตอนนี้ จึงมีผลทำให้ ปตท.สผ. ยังคงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยสามารถรักษาสภาพคล่องจากเงินสดในมือที่มีอยู่ในระดับสูง และบริษัทเองยังไม่มีภาระที่ต้องชำระเงินกู้ในระยะสั้น
นอกจากนี้ บริษัทยังมีความยืดหยุ่นในการปรับแผนการลงทุนเพื่อตอบสนองต่อราคาน้ำมันดิบโลกที่ผันผวนได้อย่างดี ซึ่งเห็นได้จากในช่วงปี 2558-2560 ที่บริษัทเคยมีการรับมือกับสถานการณ์ราคาน้ำมันตกต่ำมาแล้ว
"สถานการณ์ราคาน้ำมันในปัจจุบันเป็นปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อผลประกอบการของ ปตท.สผ. และบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั่วโลก การที่ S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทไว้ เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าสถานะการเงินของเรายังคงมีความมั่นคง ประกอบกับบริษัทยังคงมีเงินสดคงเหลือเพียงพอในการบริหารจัดการ พร้อมรองรับการลงทุนที่สำคัญต่อการเติบโตของบริษัทใน 2-3 ปีข้างหน้าได้ แม้ในสถานการณ์ที่ระดับราคาน้ำมันจะยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง" นายสัมฤทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ปตท.สผ. ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ Baa1 (Positive) จาก มู้ดดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส (Moody’s Investors Service), อันดับความน่าเชื่อถือในระดับ BBB+ (Stable) จาก ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) และอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ AAA (Stable) จาก ทริสเรทติ้ง (TRIS Rating Co., Ltd.) ในปัจจุบัน