บล.ทรีนีตี้เผยมาร์เก็ตแชร์ 2-3 เดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นมาเป็น 1.8%

          นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการอำนวยการ กลุ่มบล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มาร์เก็ตแชร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.7-1.8% และคาดว่ามาร์เก็ตแชร์ในปีนี้จะได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ระดับ 1.5% ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับปีก่อน จากมูลค่าการซื้อขายโดยรวมเริ่มกลับมา จากในช่วงที่ผานมาที่วอลุ่มตลาดปรับตัวลดลงส่งผลให้นักลงทุนชะลอการลงทุน 
          พร้อมกันนี้ ในวันนี้ บล.ทรีนิตี้ได้เปิดตัวเว็บไซต์ใหม่ www.trinityquicktrade.com หวังบริการลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัท โดยตั้งเป้าว่าหลังจากที่มีการเปิดตัวเว็บไซต์แล้วจะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเดิมของบริษัทประมาณ 80% และสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ได้ 20%
          ทั้งนี้ มองว่าในไตรมาส 3 วอลุ่มตลาดน่าจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2.5-2.7 หมื่นล้านบาทต่อวัน จากปัจจุบันที่เฉลี่ย 2 หมื่นล้านบาทต่อวัน จากการที่นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง
          "ตอนนี้เม็ดเงินต่างชาติในระบบยังเหลืออยู่เยอะและส่วนใหญ่จะไหลเข้ามาในเอเชีย ซึ่งหากเปรียบเทียบตลาดเพื่อนบ้านปรับขึ้นไปหมดแล้ว จึงเป็นเรื่องปกติที่จะไหลเข้ามาในบ้านเราเพราะหุ้นเราถูก" นายกัมปนาท กล่าว 
          จากการที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเกินแนวต้านที่ 800 จุดไปแล้ว ทำให้มองว่าอาจจะมีการปรับฐานเกิดขึ้นใน 1-2 สัปดาห์นี้ถือเป็นเรื่องปกติ การปรับฐานอาจจะขึ้นแรงหรือลงแรง ถ้าจะปรับฐานลง 40-50จุด ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก โดยปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นช่วงนี้ต้องยอมรับว่ามาจากเม็ดเงินต่างชาติเข้ามาสนับสนุน
          โดยเชื่อว่าดัชนีมีโอกาสที่จะปรับเพิ่มเป็นเท่าตัวไปที่ 1,600 จุดใน 1-2 ปีข้างหน้า จากปีนี้ที่มองว่าดัชนีอาจจะอยู่ที่ 900-1,000 จุดน่าจะเห็น เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ที่กดดันอยู่คลี่คลายและหากเปรียบเทียบตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจถึงปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นเพื่อนบ้านปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 2-3 เท่าตัว ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังติดปัญหาการเมือง 
          อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยังกังวลขณะนี้คือการออกมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) หลังจากที่ค่าเงินบาทในตลาด offshorre แข็งค่ากว่า onshore ถ้าธปท.จะออกมาตรการอะไรออกมาอีกก็จะมีผลต่อตลาดหุ้นไทย 
          ส่วนกรณีของบมจ.ปตท.(PTT) ไม่เชื่อว่าศาลจะตัดสินให้ PTT ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียน เพราะถ้าทำเช่นนั้นจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อตลาดเทียบกับมาตรการ 30% เพราะ PTT เป็นหุ้นที่มีผลต่อดัชนีเยอะ แต่ท้ายที่สุดหากมีความผิดก็ควรจะหาทางออกอย่างอื่น