ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กข่าวซื้อกิจการดันดาวโจนส์ปิดพุ่ง 45.52 จุด

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งสูงขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 ก.ค.) และยังทำนิวไฮในช่วงการซื้อขายระหว่างวัน ขณะที่ดัชนี S&P 500 ก็ดีดตัวสูงขึ้นทำสถิติเช่นกัน ซึ่งทำให้หุ้นบลูชิปปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่นักลงทุนคลายความกังวลกับการปล่อยกู้จำนองให้กับลูกค้าที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ 
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 45.52 จุด หรือ 0.33%  ปิดที่ 13,907.25 จุด หลังจากทำนิวไฮระหว่างวันที่ 13,932.29 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 4.80 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 1,552.50  จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น  5.27 จุด หรือ 0.20% ปิดที่ 2,707.00 จุด 
          เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นักลงทุนดูเหมือนว่าจะพอใจกับตัวเลขรายได้และการซื้อกิจการ และผิดหวังเล็กน้อยกับรายงานยอดขายปลีกของกระทรวงพาณิชย์ที่ระบุว่า ยอดขายปลีกสหรัฐเดือนมิ.ย.ปรับตัวลง 0.9% หลังจากที่พุ่งขึ้น 1.5% ในเดือนพ.ค. ซึ่งสถิติยอดขายปลีกเดือนมิ.ย.นั้นต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาด และยังปรับตัวลงต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี
          ไบรอัน เลวิตต์ นักเศรษฐศาสตร์ของอ็อพเพนไฮเมอร์ฟันด์ อิงค์ กล่าวว่า นักลงทุนกำลังพูดถึงความเคลื่อนไหวของตนเองในลักษณะที่มากเกินไปแต่ในระยะยาวแล้ว เรากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่จะพูดถึงภาพรวมของคุณภาพและการขยายตัวทั่วโลกที่แข็งแกร่ง
          นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้นแตะระดับสูงในรอบ 6 เดือนที่ 92.4 จุด ในช่วงกลางเดือนก.ค. จากระดับ 85.3 จุดในเดือนมิ.ย. ซึ่งสนับสนุนให้ตลาดปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่มีการรายงานยอดขายของกลุ่มค้าปลีกสหรัฐบางกลุ่มที่มียอดขายแข็งแกร่ง สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่เป็นบวกสำหรับการใช้จ่ายของผู้บริโภค
          ข่าวการซื้อกิจการหรือความเป็นไปได้ที่จะมีการทำข้อตกลงเพิ่มเติมอีกนั้น ก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ นักวิเคราะห์ของ S&P กล่าวหลังจากที่ริโอทินโตสนใจซื้อกิจการของบริษัทอัลแคนว่า อัลแคนนั้นตกเป็นเป้าในการซื้อกิจการมากขึ้น หุ้นอัลแคนปรับตัวลง 95 เซนต์ แตะ 97.50 ดอลลาร์ ส่วนหุ้นอัลโค พุ่งขึ้น 2.06 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.35 ดอลลาร์