ตลาดหุ้นไทยต้นภาคเช้าร่วงลงกว่า 10 จุด ก่อนจะไหลต่อไปเป็นกว่า 20 จุดในช่วงท้ายก่อนปิดภาคเช้า สอดคล้องตลาดต่างประเทศที่ปรับลดลง กดดันให้มีแรงขายหุ้นออกมาต่อเนื่องจากวานนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงต่อเนื่องหลุดระดับ 20 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ฉุดให้ตลาดมีแรงขายนำออกมาในหุ้นกลุ่มพลังงานต่อเนื่อง ถ่วงบรรยากาศการลงทุนด้วย
เมื่อเวลา 10.03 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,225.44 จุด ลดลง 10.66 จุด (-0.86%)
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.22 น.ดัชนี SET อยู่ที่ 1,216.05 จุด ลดลง 20.05 จุด (-1.62%)
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยต้นภาคเช้านี้ปรับตัวลงกว่า 10 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ติดลบ หลังจากที่ผลประกอบการกลุ่มการเงินของสหรัฐฯออกมาไม่ดี โดย 4 แบงก์ใหญ่งบฯออกมาต่ำกว่าคาดมาก และมีการตั้งสำรองหนี้ฯสูงกว่าคาด และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ออกมาไม่ดี ทั้งยอดค้าปลีก และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ออกมาแย่ทั้งคู่
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันปรับตัวลงต่อหลังจากที่สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ออกมาสูงสุดนับตั้งแต่เก็บตัวเลขมา ทำให้ไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน ส่วนบ้านเราวันนี้ให้จับตาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่จะหารือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เกี่ยวกับการปรับลดอัตราค่าบริการทั้งในระบบรายเดือนและระบบเติมเงิน รวมทั้งระยะเวลาเยียวยาในช่วงที่ผู้ใช้บริการได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเรื่องนี้ไปกดดันกลุ่มสื่อสาร เพราะเป็นรายได้หลักของกลุ่มมือถือ
ทั้งนี้ ตลาดฯมี upside จำกัดเนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลของการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน พร้อมให้แนวรับ 1,210 จุด ส่วนแนวต้าน 1,237 จุด