นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า บริษัทฯ คาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/63 น่าจะเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรับรู้รายได้การจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ ซึ่งมีการเริ่ม COD ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่ในไตรมาสแรกของปีนี้
ขณะที่ทั้งปี 63 บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตได้ราว 10-15% และกำไรสุทธิจะเติบโตไปตามรายได้ จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 6.25 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 2.14 พันล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทเตรียม COD โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนามอีก 4 โครงการ กำลังผลิตติดตั้งรวม 750 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดจะสามารถ COD ได้ในไตรมาส 4/63 วางงบลงทุนราว 1.5 หมื่นล้านบาท
บริษัทยังเตรียมลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน จ.หนองคาย กำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ วางงบลงทุนไว้ที่ 1.2 พันล้านบาท และโรงไฟฟ้าขยะที่ จ.นนทบุรี กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ วางงบลงทุนไว้ที่ 4 พันล้านบาท คาดว่าจะ COD ได้ภายในปีนี้ โดยทั้งสองโครงการบริษัทฯ มีสัมปทานโรงไฟฟ้าเป็นระยะเวลา 20 ปี
อย่างไรก็ตาม บริษัทวางเป้าหมายการลงทุนโรงฟ้าขยะไว้ปีละ 10-20 เมกะวัตต์ โดยยังมีโรงไฟฟ้าขยะชุมชน จ.เพชรบุรี กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ และ โรงไฟฟ้าขยะชุมชน จ.นครศรีธรรมราช กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ ที่ดำเนินการก่อสร้างต่อเนื่อง ตั้งเป้าภายใน 3-4 ปีจากนี้ จะมีรายได้จากโรงไฟฟ้าขยะเติบโตเป็น 3.5 พันล้านบาท จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 7% ของรายได้รวม
นายจอมทรัพย์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ที่ยังไม่ได้ COD อยู่ราว 1,000 เมกะวัตต์ โดยได้ตั้งเป้าหมายการ COD ในปี 63 ไว้ที่ 600 เมกะวัตต์ และในปีหน้าอีก 400 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลม ประเทศเวียดนาม กำลังการผลิตราว 400 เมกะวัตต์
ขณะที่ปัจจุบันบริษัท COD โรงไฟฟ้าพลังานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยไปแล้ว 681.6 เมกะวัตต์ รวม 119 โครงการ และในประเทศเวียดนาม มีการ COD เพิ่มอีก 286 เมกะวัตต์ จำนวนรวม 6 โครงการ ซึ่งรวมเป็น 968 เมกะวัตต์ จากรวมทั้งหมด 125 โครงการ
"เราโชคดีที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งการดำเนินงานยังเป็นไปได้ตามปกติ โดยเป้าหมายรายได้ที่ 10-15% ก็มั่นใจว่าจะเป็นไปตามนั้น ซึ่งหลักๆ ก็ยังมาจากธุรกิจโรงไฟฟ้า ส่วนธุรกิจอื่นๆ อย่างการจำหน่ายน้ำประปาให้กับลูกค้าในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และการประปาส่วนภูมิภาค ปัจจุบันยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง เรายังปริมาณน้ำดิบเพียงพอ"นายจอมทรัพย์ กล่าว