นางสลิลทิพ เรืองสุทธิภาพ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชี การเงิน และสนับสนุนองค์กร บมจ.ดูโฮม (DOHOME) เปิดเผยว่ากับ "อินโฟเควสท์" ว่า แนวโน้มยอดขายปีนี้จะต่ำกว่าปีก่อนจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ภาครัฐบาลสั่งปิดสถานที่เสี่ยงชั่วคราว 26 ประเภทเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งรวมถึงห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และ Community Mall ส่งผลให้สาขา Dohome ขนาดใหญ่ที่มีทั้งหมด 10 สาขา ต้องปิดให้บริการ 8 สาขา เหลือเพียงสาขาบางนาตราด และสาขาในจังหวัดอุบลราชธานี
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงแผนการเปิดสาขาใหม่ 3 สาขา คือ ใน จ.สุรินทร์, นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และเทศบาลนครแหลมฉบัง เนื่องจากบริษัทได้ลงทุนไปก่อนหน้านี้แล้ว และมองว่าหากสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติก็จะเข้ามาช่วยกระตุ้นยอดขายได้เพิ่มเติม
ส่วนสาขา Dohome To Go ที่ปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 6 สาขา ได้ปิดให้บริการทั้งหมด แต่เจรจากับเจ้าของพื้นที่เพื่อขอลดค่าเช่า หรือบางแห่งอาจจะให้งดจ่ายค่าเช่าพื้นที่ จนกว่าจะกลับมาเปิดให้บริการได้ ส่วนแผนการเปิดสาขา Dohome To Go ในช่วงไตรมาส 2/63 นี้ จำนวน 5 สาขา บริษัทได้ดำเนินการก่อสร้างใกล้จะแล้วเสร็จแล้ว ส่วนการเปิดให้บริการก็ยังต้องเป็นไปตามนโยบายของภาครัฐบาล
ถึงแม้ว่าบริษัทจะไม่สามารถเปิดให้บริการหน้าร้านได้ บริษัทก็ยังมีจำหน่ายสินค้าผ่านพนักงานขายทางโทรศัพท์ (Telesales) ที่ปกติแล้วมีสัดส่วนอยู่ที่ราว 48-49% ของยอดขายรวม ซึ่งหลังจากที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จนทำให้บริษัทต้องปิดหน้าร้านเกือบทั้งหมด ทำให้เห็นยอดขาย Telesales เติบโตค่อนข้างมาก โดยคาดว่าทั้งปีสัดส่วนรายได้ดังกล่าวจะไม่ต่ำกว่า 60% ซึ่งบริษัทได้นำพนักงานหน้าร้านที่มีความเข้าใจสินค้าดีอยู่แล้วมาช่วยเพิ่มศักยภาพการจำหน่ายสินค้าช่องทางนี้ด้วย
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเน้นการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทาง Online อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตได้หลายเท่าตัวผ่านช่องทาง Shopee และ Lazada แต่ยังไม่ได้เป็นสัดส่วนยอดขายที่มากนักในปัจจุบัน
"เรายอมรับว่าได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่เรายังไม่สามารถคาดการณ์ทิศทางยอดขายโดยรวมได้ว่าจะเป็นอย่างไรจนกว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะคลี่คลายลง แต่อย่างไรก็ตามเราก็ยังคงเน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี เน้นจำหน่ายสินค้าที่เป็นกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน ซ่อมแซมบ้าน และสินค้าที่เป็นแบรนด์ของบริษัทเอง เพื่อที่จะรักษาให้อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 16%"นางสลิลทิพ กล่าว
สำหรับทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/63 ที่ผ่านมา ยอมรับว่ายอดขายลดลงใกล้เคียงระดับ 10% แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงบริหารจัดการต้นทุนได้ค่อนข้างดี และการปรับกลยุทธ์การจำหน่ายสินค้ามายังกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน ซ่อมแซมบ้าน และสินค้าที่เป็นแบรนด์ของบริษัทเอง ช่วยเพิ่มให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้นจึงอาจจะไม่กระทบต่อกำไรสุทธิของบริษัท