RS คาดสิ้นปี 50 มีรายได้ธุรกิจเพลง พันลบ., ตั้งเป้าขยายตลาดทุกเซกเมนต์

          นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ กรรมการผู้อำนวยการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อาร์เอส (RS) เปิดเผยว่า คาดว่าสิ้นปีนี้บริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจเพลง 1 พันล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนเพลงไทยสากล 35% และเพลงลูกทุ่ง 65% หลังการปรับโครงสร้างธุรกิจเพลงใหม่ ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก (Core Business) ของบริษัท เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการนำเสนอผลงานคุณภาพสู่สาธารณชน สอดรับกับนโยบายของบริษัทฯ ที่สู่ความเป็นเครือข่ายบันเทิงแบบครบวงจร (The Entertainment Network)
          โดยมอบหมายให้นายสุทธิพงษ์ วัฒนจัง ดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการ ดูแลธุรกิจเพลงไทยสากล ซึ่งจะมีการปรับจัดทีมทำงานใหม่ ให้มีความชัดเจน ให้เกิดความหลากหลาย มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถทำงานในเชิงรุกได้ดียิ่งขึ้น 
          ขณะเดียวกันธุรกิจเพลงไทยลูกทุ่ง ยังคงมอบหมายให้นายศุภชัย นิลวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์สยาม จำกัด ในเครืออาร์เอส 
          "ผมมองว่าถึงเวลาแล้วที่ RS ต้องลุกขึ้นมาเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเพลงไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะในเรื่องการถือครองลิขสิทธิ์ที่เป็นประเด็นสำคัญและมีความเห็นต่างกันอยู่ ซึ่งจากนี้ไป RS จะเปลี่ยนกติกาและวิธีการทำธุรกิจใหม่ให้เข้ากับมาตรฐานสากล (International Standard) โดยผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์โดยตรงก็คือ ผู้สร้างสรรค์งานเพลงนั้นเอง ซึ่งจะทำให้เกิดแรงบันดาลใจ (Inspiration) ในการที่จะสร้างสรรค์งานดีๆ ที่มีคุณภาพสู่สาธารณชนมากขึ้น ส่วน RS เองก็จะได้ประโยชน์จากนโยบายที่เปิดกว้างขึ้นในการทำงานอย่างไม่มีข้อจำกัด ซึ่งจะส่งผลให้ RS มีโอกาสได้ร่วมงานกับผู้สร้างสรรค์งานทั้งใหม่และเก่าได้อย่างเต็มที่"นายสุรชัย กล่าว
          ด้านนายสุทธิพงษ์ วัฒนจัง รองกรรมการผู้อำนวยการ RS กล่าวถึงแผนดำเนินธุรกิจเพลงไทยสากลในช่วงครึ่งปีหลัง 2550 ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าจะขยายตลาดเข้าสู่เซ็กเมนต์ใหม่ๆ ทางดนตรีเต็มสูบ เพื่อให้บริษัทฯ มีผู้ฟังครอบคลุมทุกเพศทุกวัยทุกกลุ่มเป้าหมาย ขณะเดียวกันจะใช้กลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่ๆ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดเพลงเซกเมนต์วัยรุ่นที่แข็งแกร่งอยู่แล้วให้มีมาตรฐานสูงขึ้น โดยมีการแบ่งแบรนด์บริหารจัดการตามกลุ่มเซกเมนต์ทางดนตรีประเภทต่างๆ อย่างชัดเจน
          ส่วนนายศุภชัย นิลวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์สยาม จำกัด เปิดเผยถึงแผนดำเนินธุรกิจเพลงไทยลูกทุ่งในช่วงครึ่งปีหลัง 2550 ว่า มีแผนจะรุกทำตลาดภาคเหนือและอีสานต่อไป หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการทำตลาดภาคใต้อย่างสูง ขณะเดียวกันจะใช้กลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่ๆ เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้ศิลปินที่มีศักยภาพเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าชั้นนำ เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จในโลกธุรกิจร่วมกัน