นายวีระ ธิตยางกรุวงศ์ ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.จีเอฟพีที (GFPT) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า บริษัทฯ คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/63 จะทำได้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเป็นช่วงของโลซีซั่นของธุรกิจ อย่างไรก็ดีไตรมาสนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มากนัก ซึ่งผลกระทบจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมี.ค.63 เพียงเดือนเดียวเท่านั้น โดยลูกค้าจีนบางรายก็เข้ามาขอเลื่อนการส่งมอบออเดอร์ที่ทำไว้ล่วงหน้าออกไปก่อน เนื่องจากในไตรมาส 1/63 หลายมณฑลในประเทศจีนมีการปิดเมือง ทำให้มีปัญหาในเรื่องของโลจิสติกส์
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทเริ่มกลับมาส่งมอบสินค้าได้ตามปกติแล้ว ซึ่งออเดอร์ที่ถูกเลื่อนมาในไตรมาสแรกก็จะมีการส่งมอบในไตรมาส 2/63 แทน ทำให้คาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 นี้น่าจะดีกว่าไตรมาสแรก ประกอบกับตามปกติแล้วไตรมาส 2 จะเติบโตดีกว่าไตรมาส 1 ด้วย
ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกไก่ คิดเป็น 25% ส่วนที่เหลือจะมาจากในประเทศ ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ เช่น การจำหน่ายอาหารสัตว์ ลูกไก่ ไก่ และเป็ด จะขายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งภาพรวมของธุรกิจดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมายังอยู่ในระดับที่ทรงตัว
"เราก็ได้รับผลกระทบบ้างจากโควิด-19 ในแง่ของกำลังซื้อ โดยเฉพาะในประเทศ จากการบริโภคภายในประเทศที่ลดลง ส่วนต่างประเทศ ก็ติดปัญหาการขนส่ง เนื่องจากบางประเทศมีการล็อคดาวน์ทำให้การขนส่งมีความยากลำบากมากขึ้น" นายวีระกล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ ในส่วนของธุรกิจไก่ เดิมบริษัทจะเน้นส่งออกเนื้อไก่ อกไก่ ปีกไก่ แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบันส่งผลทำให้การส่งออกได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ทำให้บริษัทหันมากระจายสินค้าในรูปแบบอื่นมากขึ้น เช่น การขายผ่านออนไลน์ และดิลิเวอรี่ ซึ่งถือเป็นการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคในช่วงนี้ แต่อย่างไรก็ตามมองว่าการปรับกลยุทธ์ดังกล่าวอยู่ในช่วงเริ่มต้นอาจจะยังไม่สามารถสร้างรายได้มากนักหากเทียบกับรายได้รวม แต่เชื่อว่าในระยะต่อไปน่าจะมีรายได้จากส่วนนี้เพิ่มมากขึ้น
นายวีระ กล่าวว่า ส่วนผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทวางเป้าหมายรายได้น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากกำลังการผลิตที่ปรับตัวลดลงจากเหตุไฟไหม้ในปีที่ผ่านมา รวมถึงยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ด้วย ทำให้ปีนี้บริษัทไม่ได้คาดหวังว่ารายได้จะเติบโต เนื่องจากไม่มีปัจจัยบวก แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าในปี 64 หากสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น ก็น่าจะทำให้ความเชื่อมั่นการบริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ การขนส่งน่าจะกลับมาดีขึ้น ขณะเดียวกันการขยายฟาร์มเลี้ยงไก่ โรงเชือดไก่ก็จะทยอยแล้วเสร็จ รวมถึงไลน์การผลิตก็น่าจะกลับมาผลิตได้ในปลายปีนี้ และเดินเครื่องผลิตได้ในต้นปีหน้า ซึ่งมองว่าในปี 64 จะเป็นปีที่ดีของบริษัทฯ
สำหรับแผนการลงทุน บริษัทได้วางงบลงทุนรวมในปีนี้ไว้ที่ 1,000-1,200 ล้านบาท โดยเตรียมเดินหน้าลงทุนขยายฟาร์มเลี้ยงไก่ เพิ่มปริมาณไก่ เพื่อให้มีเนื้อไก่ส่งออกมากขึ้น และก่อสร้างโรงเชือดไก่ต่อเนื่องจากปีก่อน คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จได้ในปี 64 โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีปริมาณการเชือดไก่อยู่ที่ 2.9-3 แสนตัวต่อวัน คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 2 หมื่นตัวต่อปี
นอกจากนี้ก็อยู่ระหว่างปรับปรุงโรงงานผลิต เนื่องด้วยช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้เกิดเหตุไฟไหม้บริเวณห้องเครื่องในโรงงานผลิต ที่จ.สมุทรปราการ โดยได้รับความเสียหายไปทั้งสิ้น 2 ไลน์การผลิต จากทั้งหมดที่มีอยู่ 5 ไลน์การผลิต คาดว่าจะดำเนินการปรับปรุงแล้วเสร็จได้ในช่วงไตรมาส 4/63