นางนภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น (TQM) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/63 ยอดขายจะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) หลังเติบโตเกิน 4,000 ล้านบาทไปแล้ว เนื่องจากภายหลังการออกโปรดักส์ประกันโควิด-19 ไป มีลูกค้ารายใหม่เข้ามาซื้อประกันดังกล่าวไปแล้วกว่า 1 ล้านกรมธรรม์ โดยกว่า 80% ซื้อผ่านช่องทางออนไลน์
รวมถึงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวบริการใหม่ "TQM 24 Smart Services" เพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้า เลือก ซื้อ จ่าย รับกรมธรรม์ แจ้งเคลม และรับบริการอื่นๆ จากบริษัทประกันกว่า 40 บริษัท ผ่านช่องทาง LINE TQM Insurance Broker รวมถึงบริการ Omni channel ทั้งแชทและโทรคุยกับพนักงานเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง
"จากการเดินหน้าทำการตลาดผ่านกลยุทธ์ดิจิทัลที่ผ่านมา ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ได้เห็นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เข้ามาซื้อประกันโควิดกับ TQM ผ่านแพลตฟอร์ม TQM Digital ประกอบด้วย Line Facebook และ website ซึ่งเป็นยอดการสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ที่สูงมาก จึงเป็นแนวทางในการนำมาต่อยอดพัฒนางานขายและงานบริการใหม่ TQM 24 Smart Services บน Line TQM Insurance Broker แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงบริการหลังการขาย ทั้งเช็คกรมธรรม์ แจ้งเคลมได้ทุกประกันที่ซื้อกับ TQM ค้นหาอู่ สร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้รับบริการ บริการนี้จะเข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในช่วง Social Distancing ได้อย่างเข้าใจและเข้าถึง" นางนภัสนันท์ กล่าว
ล่าสุด บริษัทยังมีการออกโปรดักส์พิเศษ ประกันไข้หวัดใหญ่ และโรคที่เกิดจากยุง เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ของโรคที่ประเทศไทยต้องเริ่มเฝ้าระวังคือ โรคไข้เลือดออกและโรคไข้หวัดใหญ่ โดยมีเบี้ยเฉลี่ยเริ่มต้นตั้งแต่ 250-500 บาท โดยตั้งเป้าทั้งปีจะทำให้ได้ 3 แสนกรมธรรม์
"เราประสบความสำเร็จอย่างมาก จากปกติแล้วเราจะเป็นฝ่ายที่วิ่งเข้าหาลูกค้าแต่ตอนนี้ลูกค้ากลับวิ่งเข้าหาเราแทน และเราก็มีความพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งมีพนักงานตอบแชทกว่า 2,000 ที่นั่ง และตอนนี้นอกเหนือจากพรบ.รถยนต์เราก็มีการทำประกันตามฤดูกาล เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ตอนนี้ได้เริ่มขายแล้วต่อไปเราจะทำการโปรโมทมากขึ้น โดยมองสถานการณ์ปัจจุบัน ภาพรวมเศรษฐกิจ และการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ยังไม่รุนแรงเท่าของฝั่งยุโรป ทำให้เชื่อว่าลูกค้าจะไม่มีปัญหาในการซื้อประกันในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงการที่มีดิจิทัลเข้ามาช่วยให้บริการเพื่อเพิ่มความสะดวกแก่ลูกค้าด้วย" นางนภัสนันท์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมพิจารณาปรับเป้าหมายยอดขายในช่วงกลางปีนี้ จากเดิมที่ตั้งเป้ายอดขายจะเติบโต 15-16% หรือแตะที่ระดับ 15,000 ล้านบาท โดยการปรับแผนจะทำหลังจากที่บริษัทมีการเจรจาปิดดีลการเข้าซื้อกิจการ (M&A) แล้วเสร็จ อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการธุรกิจโบรกเกอร์ในประเทศไทย จำนวน 1 ราย ซึ่งหากสำเร็จบริษัทจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาทันที