นางสาวรัชดา ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ด้วยสภาวการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กระจายไปทั่วโลก ส่งผลให้สภาวะการลงทุนทั้งตราสารทุนและตราสารหนี้ทั่วโลกปรับตัวลดลงและมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าหลายประเทศจะประกาศมาตรการควบคุมที่เข้มข้น หรือการประกาศปิดประเทศ (Lockdown) เพื่อจำกัดการแพร่ระบาด แต่ไม่อาจจะคาดเดาได้ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเมื่อใด
อย่างไรก็ดีท่ามกลางความไม่แน่นอนในภาวะปัจจุบันนี้ ยังคงมีการลงทุนที่น่าสนใจและสามารถเพิ่มโอกาสให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากได้ ซึ่งทาง บลจ. ยูโอบี มั่นใจนำเสนอทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสินทรัพย์ความผันผวนต่ำ และมีสภาพคล่องสูง
โดยกองทุนเปิด ไทย แคช แมเนจเม้นท์ เอ็นจอย (TCMFENJOY) เป็นกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market fund) ที่มีผลการดำเนินงานย้อนหลังโดดเด่นเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรม ประเภทกลุ่ม Money Market General จัดกลุ่มโดย Morningstar Thailand โดยผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 1.35% ต่อปี และให้ผลการดำเนินงานดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน เฉลี่ย 3 ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ อยู่ที่ 0.52% ต่อปี (ที่มา : Morningstar Thailand, 31 มี.ค. 2563)
นางสาวรัชดา กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันภาครัฐได้ออกมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างต่อเนื่องในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและการอัดฉีดสภาพคล่อง ซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดในระยะนี้ได้ ทำให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่อาจจะยังคงมีความผันผวนอยู่บ้าง
ซึ่งทางบลจ.ยูโอบี มองว่าการลงทุนในสภาวะปัจจุบัน ควรเพิ่มสัดส่วนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและให้ความสำคัญกับสภาพคล่องที่เพียงพอ ผ่านการลงทุนในกองทุน TCMFENJOY ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีคุณภาพ มีความมั่นคงและมีสภาพคล่องสูงเป็นหลัก โดยกว่า 70% ของพอร์ตการลงทุน ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเงินฝาก ซึ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน พร้อมทั้งเสริมสภาพคล่องให้กับพอร์ตการลงทุนโดยรวม และเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนในระยะสั้นที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก อีกทั้งนักลงทุนสามารถซื้อและขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวได้ทุกวันทำการ และจะได้รับเงินค่าขายคืนในวันทำการถัดไป