ตลาดหุ้นไทยช่วงต้นภาคเช้าร่วงต่อไปเป็นกว่า 20 จุดตามตลาดต่างประเทศ ตามแรงขายทำกำไร โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มแบงก์และพลังงาน หลังจากไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาหนุน แม้ว่าราคาน้ำมัน WTI สัญญาส่งมอบเดือน พ.ค.จะดีดตัวกลับขึ้นมาแรงหลังร่วงหนักเมื่อวันก่อนหน้า
เมื่อเวลา 10.02 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,242.68 จุด ลดลง 10.24 จุด (-0.82%)
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.49 น.ดัชนี SET อยู่ที่ 1,232.64 จุด ลดลง 20.28 จุด (-1.62%)
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงกว่า 10 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ติดลบเฉลี่ย 1% เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯปรับตัวลงเมื่อคืนนี้
อย่างไรก็ตาม ตลาดบ้านเรายังดูแข็งแกร่ง เนื่องจากควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ดี จำนวนผู้หายป่วยคิดเป็น 75% จัดอยู่ในอันดับ 4 ของโลก และยังมีความคาดหวังในเชิงบวก แม้ว่าเช้านี้จะได้รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และกลุ่มธนาคารที่เจอ Sell on fact หลังประกาศงบฯไตรมาส 1/63
ตลาดฯ ได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า, กลุ่มเกษตร-อาหาร และกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ ที่ต่างปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับการส่งออกที่ขยายตัวได้ดีขึ้น และมาตรการภาครัฐช่วยเหลือค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน ซึ่งจะทำให้การใช้ไฟฟ้าไม่น่าจะลดลง
นอกจากนี้ มองว่า Downside ตลาดมีจำกัด เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ดีขึ้น และยังมีเม็ดเงินจากมาตรการเยียวยาที่ใกล้จะเข้ามาสู่ระบบแล้ว
พร้อมให้แนวรับ 1,235-1,237 จุด ส่วนแนวต้าน 1,250-1,255 จุด