นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 เมื่อวานนี้ (23 เม.ย.) มีมติอนุมัติให้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ (ใหม่) ในวงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท เป็นการขออนุมัติไว้เพื่อเตรียมการสำหรับกรณีที่หากพบว่ามีโอกาสเหมาะสมก็จะสามารถออกและเสนอขายหุ้นกู้ในต้นทุนที่ต่ำและเงื่อนไขที่ดีได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการนำเงินไปชำระคืนเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เดิม หรือใช้ในการดำเนินงาน และการลงทุนในโครงการใหม่ ๆ ของบริษัท
นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังได้อนุมัติให้บริษัทเข้าลงทุนในบริษัท แลนด์ พรอสเพอริตี้ โฮลดิง จำกัด โดยการเข้าซื้อหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 19% ของหุ้นทั้งหมด พร้อมทั้งอนุมัติให้บริษัท อมิตาเทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Amita Thailand ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าทำสัญญาสิทธิในการเช่าที่ดินบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อใช้สร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเฟสที่ 1 ขนาดกำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) และโรงงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามเป้าหมายที่จะสร้างโรงงานให้แล้วเสร็จและเริ่มทำการผลิตได้ภายในปี 2563
ทั้งนี้ ประชุมมีมติให้จ่ายเงินปันผลประจำปี 2562 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท โดยจ่ายจากกำไรสะสมสำหรับกิจการที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน รวมเป็นเงิน 1,119 ล้านบาท โดยให้วันที่ 20 มี.ค.63 เป็นวันกำหนดสิทธิผู้ถือหุ้นในการรับเงินปันผล (Record Date) และจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดภายในวันที่ 22 พ.ค.63
"ภาพรวมผลประกอบการปี 2563 จะสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง เนื่องจากธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งจากพลังงานลมและโซลาร์ฟาร์ม จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้เต็มกำลังการผลิต 664 เมกะวัตต์ เป็นปีแรก และจะเริ่มรับรู้รายได้จากผลิตภัณฑ์สารเปลี่ยนสถานะหรือ PCM ที่จะเริ่มผลิตและส่งออกตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป โดยไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างไรก็ตาม ธุรกิจไบโอดีเซลมีแนวโน้มรายได้ที่ลดลงจากการลดการเดินทางและใช้ยานพาหนะที่น้อยลง ส่วนธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้ามีการปรับแผนเพื่อขยายเวลาการเริ่มผลิตและส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินและผลประกอบการของบริษัทแต่อย่างใด"นายอมรกล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงติดตามสถานการณ์ของโควิด-19 อย่างใกล้ชิด และมั่นใจว่าจะสามารถฝ่าวิกฤติในรอบนี้ไปได้อย่างแน่นอน โดยในปีนี้บริษัทคาดว่า น่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านพลังงานมาต่อยอดธุรกิจเดิม และสร้างเป็นระบบนิเวศน์รองรับทิศทางในอนาคต