ขณะที่ บริษัท พีซีซีเอ แล็บบอราเทอรี่ จำกัด (PCCA) ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์ แบบครบวงจร ซึ่งเป็นการลงทุนผ่าน บริษัท ดีโอดี เฮ้ลท์ตี้ไลฟ์ จำกัด (DOD ถือหุ้นอยู่ 99.99%) ที่ผ่านมาก็มีคำสั่งซื้อแอลกอฮอล์ และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะรับรู้รายได้เข้ามามากตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 2/63 เป็นต้นไป
ในส่วนของรายได้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ 797.50 ล้านบาทหรือไม่ เนื่องจากบริษัทยังคงต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่องว่าจะกระทบกับผลการดำเนินงานของบริษัท อัลทิมา ไลฟ์ จำกัด ที่ DOD ถือหุ้นอยู่ 80% ซึ่งดำเนินธุรกิจในรูปแบบขายตรง ที่ปีก่อนมียอดขายเติบโตค่อนข้างมาก แต่ปัจจุบันไม่สามารถจัดประชุมและกระตุ้นยอดขายได้
ทั้งนี้ เบื้องต้นบริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มากนัก แต่หากสถานการณ์รุนแรงจนถึงขั้นต้องมีการปิดโรงงานและหยุดการผลิตสินค้าต่าง ๆ บริษัทก็จะได้รับผลกระทบทันที
"เรามองทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/63 และไตรมาส 2/63 จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากลูกค้าหลักใหม่ที่เข้ามา และลูกค้ารายเดิม ๆ ยังคงมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันเรายังมีคำสั่งซื้อสินค้าในกลุ่มแอลกอฮอล์ที่ยอดเติบโตค่อนข้างมากด้วย ซึ่งในกลุ่มนี้มีมาร์จิ้นค่อนข้างดี เราจึงมั่นใจว่ากำไรสุทธิปีนี้อย่างไรก็เติบโต แต่ในส่วนรายได้เราต้องติดตามว่ายอดขายของ อัลทิมา ไลฟ์ จะมาหรือไม่ เพราะในส่วนนี้มีรายได้ค่อนข้างเยอะ แม้มาร์จิ้นจะต่ำกว่ากลุ่มอื่นก็ตาม ส่วนผลกระทบจากโควิด-19 ตอนนี้ไม่มีเพราะเรายังผลิตได้และยังได้เปิดโอทีเพิ่มด้วย แต่หากจะได้รับผลกระทบจริง ๆ ก็ตอนที่กระทบถึงขั้นปิดโรงงาน"นางสาวสุวารินทร์ กล่าว
นางสาวสุวารินทร์ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน บริษัทได้รับคำสั่งซื้อในการผลิตเจลแอลกอฮอล์ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ PCCA ต้องเพิ่มไลน์การผลิตเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้ทันตามยอดคำสั่งซื้อที่เข้ามาทุกวัน จากปัจจุบันที่ PCCA มีกำลังการผลิตเฉลี่ย 200,000 ขวด/วัน เพิ่มขึ้นเป็น 500,000 ขวด/วัน ทำให้มั่นใจว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในครึ่งแรกปีนี้ มีแนวโน้มอัตราการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการล่าสุด มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากกำไรสุทธิหลังหักเงินสำรองตามกฎหมาย สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 62 ในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท รวมเป็นเงิน 143.5 ล้านบาท แบ่งเป็นกำไรส่วนที่ได้รับส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท และกำไรส่วนที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล 20% ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท
ทั้งนี้ ยังกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 16 มีนาคม 2563 และกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผลขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 13 มีนาคม 2563 เพื่อจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 ตามมติเดิมที่ได้มีการแจ้งข่าวการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา