(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์-อิงบวกหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิดดีขึ้น-ลุ้นทยอยปลดล็อกดาวน์

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 27, 2020 09:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ ให้น้ำหนักอิงทางบวก เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวในแดนบวกกัน ตามดาวโจนส์ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในไทยดีขึ้น และจะมีการทยอยการปลดล็อกดาวน์

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้น 3 วันติดต่อกัน หลังจากที่แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯลดลง แต่ตลาดฯคงจะไปได้ไม่ไกล เนื่องจากต่างรอดูการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการประชุมของหลายธนาคารกลาง อย่างธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ), ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้

พร้อมกันนี้ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้จะมี HMPRO, PTTEP, SCC เป็นต้น โดยให้แนวรับ 1,245-1,250 จุด ส่วนแนวต้าน 1,263-1,265 ถัดไป 1,270 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (24 เม.ย.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,775.27 จุด เพิ่มขึ้น 260.01 จุด (+1.11%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,836.74 จุด เพิ่มขึ้น 38.94 จุด (+1.39%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,634.52 จุด เพิ่มขึ้น 139.77 จุด (+1.65%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 148.84 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 3.71 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 199.33 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 60.13 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.05 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 7.44 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.75 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 เม.ย.63) 1,258.78 จุด ลดลง 13.75 จุด (-1.08%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,147.92 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 เม.ย.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (24 เม.ย.63) ปิดที่ 16.94 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ 2.7%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 เม.ย.) อยู่ที่ -2.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.43 แนวโน้มผันผวน ตลาดยังไร้ปัจจัยใหม่ มองกรอบวันนี้ 32.25-32.55
  • คมนาคม เตรียมพร้อมระบบขนส่ง รอประกาศคลายล็อกดาวน์เป็นทางการ กางแผนทยอยเชื่อมต่อการเดินทางข้ามจังหวัด ทอท.ประเมินสายการบินในประเทศจะคึกคักส่วนแรก ขณะที่ต่างชาติคาดจีนเริ่มเดินทาง "รฟท.-บขส."เชื่อประชาชนจะเดินทางเฉพาะจำเป็น พร้อมคุมเข้มมาตรการป้องกันโรค
  • นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. เปิดเผยว่า สิ่งที่ ปตท.ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ คือ การปรับลดชนิดน้ำมันลงให้เหลือ 4-5 ชนิด ให้เหลือน้ำมันเบนซิน 95, แก๊สโซฮอล์ 95, แก๊สโซฮอล์ อี 20, ดีเซลบี 10, ดีเซล เกรดพิเศษ จากปัจจุบันมีชนิดน้ำมันมากถึง 9 ชนิด หลังจากได้หารือร่วมกับผู้ค้าน้ำมัน และเห็นตรงกันว่า ควรปรับลดชนิดน้ำมันลง เพื่อความเหมาะสมทั้งในด้านผู้ใช้บริการน้ำมัน และการบริหารจัดการสถานีบริการน้ำมัน รวมทั้งลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการ
  • นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายในเปิดเผยว่า ตามที่ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติเห็นชอบทบทวนกำหนดราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) หรือก๊าซหุงต้ม โดยกำหนดราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นจากเดิม 17.1795 บาท/กก. เหลือ 14.3758 บาท/กก. ทำให้ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม ขนาดถัง 15 กก. ราคาลดจาก 363 บาท เหลือ 318 บาท (รวมค่าขนส่งระยะทางไม่เกิน 5 กิโลเมตร) เฉพาะเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือลดลง 45 บาท/ถัง เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยมีผลบังคับใช้ 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม -24 มิถุนายน 2563 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากภาวะเศรษฐกิจ และภาวะการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19

*หุ้นเด่นวันนี้

  • INTUCH (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 78 บาท ผลประกอบการยังแข็งแกร่งคาดมีกำไรสุทธิ Q1/63 ที่ 2.6 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 36% qoq แต่หดตัว 9% yoy ราคาหุ้นถูกกดดันจากกลุ่มเทมาเส็กทยอยลดสัดส่วน ทำให้ราคาหุ้นปัจจุบันยังไม่สะท้อน NAV ที่ INTUCH ลงทุนใน ADVANC และ THCOM ซึ่งในอดีตมูลค่าหุ้น INTUCH จะ Discount จาก NAV ประมาณ 20-25% แต่ปัจจุบันมี Discount ถึง 33% จึงน่าซื้อ
  • STA (ฟินันเซีย ไซรัส) เป้า 14.2 บาท คาดกำไรสุทธิ Q1/63 โดดเด่น 435 ล้านบาท จากที่กำไร 74 ล้านบาท ใน Q4/62 และขาดทุน -628 ล้านบาท ใน Q1/62 แม้ราคายางโลกเฉลี่ย Q1/63 จะ -3% Q-Q, -5% Y-Y แต่บริษัทขายล่วงหน้าในราคาสูงกว่าราคาตลาดโลก และไม่มี stock loss เพราะทยอยขายส่วนที่ hedge ไว้แล้ว ที่ดีกว่านั้นคือธุรกิจถุงมือยาง (STGT บ.ลูก) กำไรโตเด่นมากเพราะโควิด-19 หนุนปริมาณขายถุงมือยาง ลูกค้าส่งคำสั่งซื้อยาวถึง Q1/64 ต้นทุนน้ำยางลดลงและบาทอ่อน หนุนอัตรากำไรขั้นต้น เบื้องต้นคาดกำไรทั้งปี 1.8 พันล้านบนาท พลิกจากขาดทุนในปีก่อน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ