ฟิทช์ ปรับลดแนวโน้มเครดิต FSS-KTBST เป็น"ลบ"จาก"มีเสถียรภาพ"หลังเสี่ยงรับผลโควิด,คงเครดิต ASP

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 27, 2020 18:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของ บล.ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) และ บล. เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST เป็น "ลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" และประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัทที่ ‘BBB+(tha)’ และ ‘BB(tha)’ ตามลำดับ

พร้อมกันนี้ฟิทช์ได้ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว ของบมจ. เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) ที่ ‘A(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มอันดับเครดิตของ FSS และ KTBST สะท้อนถึงภาวะการดำเนินธุรกิจที่มีความท้าทายเพิ่มขึ้นจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสที่มีผลต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเพิ่มความเสี่ยงต่อบริษัทหลักทรัพย์ที่มีผลกำไรจากการดำเนินงานที่อ่อนแออยู่แล้วและมีโครงสร้างต้นทุนการดำเนินงานที่ค่อนข้างสูง

ดังนั้น ผลประกอบการของบริษัทอาจได้รับผลกระทบจากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจมหภาค ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ลดลง ฐานะทางการเงินของลูกค้าที่อ่อนแอลง รวมถึงความผันผวนที่สูงขึ้นจนนำไปสู่ความเสี่ยงด้านตลาดที่เพิ่มขึ้นและการทดสอบความแข็งแรงของรูปแบบการดำเนินธุรกิจของบริษัท (business model) ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อรายได้จากธุรกิจที่นอกเหนือจากธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ด้วย เช่น ธุรกิจวานิชธนกิจ

การคงอันดับเครดิตของ ASP สะท้อนถึงการคาดการณ์ของฟิทช์ที่เชื่อว่า ASP น่าจะสามารถรับมือกับความเสี่ยงและผลกระทบจากสภาวะการดำเนินงานที่กำลังเผชิญกันความท้าทายเพิ่มขึ้นและภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่แอื้ออำนวย ได้ดีกว่าเมี่อเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์รายอื่น

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

อันดับเครดิตภายในประเทศ

ASP อันดับเครดิตภายในประเทศ สะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจหลักทรัพย์ (franchise) และโครงสร้างธุรกิจโดยรวม (business model) ของบริษัทที่แข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์อื่นในประเทศไทยที่ฟิทช์ใช้ความแข็งแกร่งทางการเงินเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณาอันดับเครดิต (Fitch-rated standalone peers) ฟิทช์คาดว่าความได้เปรียบในการแข่งขัน (competitive advantages) ของ ASP น่าจะช่วยให้บริษัทสามารถรับมือกับความท้าทายและอุปสรรคจากแรงกดดันในการทำกำไรของอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ได้ ASP ยังคงมีอัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพและประสิทธิภาพ (depth) ของผลิตภัณฑ์และการบริการแบบครบวงจร (full-service brokerage platform) และฐานลูกค้าที่มั่นคงของบริษัท

นอกจากนี้ในภาพรวมของกลุ่ม ASP ได้มีการกระจายตัวของการดำเนินงานไปในในธุรกิจอื่นที่นอกเหนือจากการซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน บริษัทมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ในระดับที่ต่ำกว่าบริษัทหลักทรัพย์รายอื่นในกลุ่มเทียบ (ที่จัดอันดับเครดิตโดยฟิทช์) มาอย่างต่อเนื่อง

โดยบริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวที่ 77% ในปี 2562 เทียบกับค่าเฉลี่ยของบริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่มเทียบที่เฉลี่ยสูงกว่า 95% (ค่าเฉลี่ย 4 ปี) ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการรองรับความเสี่ยงที่แข็งแกร่งกว่าในภาวะที่ความผันผวนกำลังปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ASP ยังมีฐานะเงินกองทุนในเกณฑ์ดีและมีระดับหนี้สินที่ต่ำ โดยมีอัตราส่วน net adjusted leverage ที่ 1.4 เท่า ณ สิ้นปี 2562 ซึ่งจะช่วยรองรับความเสี่ยงได้อย่างแข็งแกร่ง ความเสี่ยงสภาพคล่องของบริษัทถูกลดทอนลงจากการมีเงินกู้ยืมต่ำ (567 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2562) ในขณะที่บริษัทมีสินทรัพย์สภาพคล่องที่สูงกล่าวเงินกู้ยืม

FSS การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตสะท้อนถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นต่อผลกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทที่อ่อนแออยู่แล้วในปัจจุบัน โดยผลประกอบการของบริษัทในช่วงเวลาสองถึงสามปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากรายได้นายหน้าค้าหลักทรัพย์ที่ลดลงจากการแข่งขันภายในอุตสาหกรรมที่สูงขึ้นและจากการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีมูลค่าการลงทุนสูง การประกาศคงอันดับเครดิตพิจารณาถึงโครงสร้างธุรกิจของ FSS ที่อยู่ในระดับปานกลางโดยสะท้อนจากส่วนแบ่งทางการตลาดของกลุ่มลูกค้ารายย่อยในธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ของบริษัท

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการกระจายตัวของธุรกิจไปยังธุรกิจอื่นนอกเหนือจากธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ในสัดส่วนประมาณ 30% ของรายได้รวมในปี 2562 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ยังต่ำกว่าบริษัทอื่นในอุตสาหกรรม

ฟิทช์คาดว่าสภาพคล่องของ FSS ไม่น่าจะปรับตัวด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญโดยบริษัทยังคงรักษาระดับเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (net liquid capital ratio) ไว้ในระดับที่สูงกว่าเกณฑ์ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องจากการไหลออกของเงินสดที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้ารวมถึงรองรับหนี้สินจากธุรกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นได้ ทั้งนี้การก่อหนี้สินในระดับต่ำของบริษัทจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนเพื่อทดแทนหนี้สินที่ครบกำหนด (refinancing risk) ในช่วงเวลาที่ภาวะตลาดที่ไม่เป็นปกติ ฟิทช์ยังมองว่าระดับเงินกองทุนของ FSS ยังอยู่ในระดับที่ดีและสามารถช่วยรองรับความผันผวนของตลาดได้

KTBST การปรับแนวโน้มอันดับเครดิต สะท้อนถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นต่อผลประกอบการและกำไรของบริษัทในอนาคต โดยผลประกอบการของ KTBST ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา น่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดหลักทรัพย์และตลาดตราสารหนี้ที่ปรับตัวแย่ลง อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ของบริษัทที่ค่อนข้างสูงที่กว่า 95% (ค่าเฉลี่ย 4 ปี) บ่งชี้ว่าบริษัทมีความเปราะบางต่อสภาวะอุตสาหกรรมที่ผันผวน อย่างไรก็ตามความเสี่ยงดังกล่าวส่วนหนึ่งได้สะท้อนแล้วในอันดับเครดิตของบริษัทที่อยู่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์อื่นในประเทศ

อันดับเครดิตภายในประเทศของ KTBST พิจารณาจากความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวบริษัทเอง และยังสะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจหลักทรัพย์ (franchise) ในประเทศไทยของบริษัทที่มีขนาดเล็ก โดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านมูลค่าการซื้อขายประมาณ 1.2% ณ สิ้นปี 2562 นอกจากนี้อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงฐานเงินทุนที่ยังคงมีขนาดค่อนข้างเล็กและมีระดับหนี้สินสูงกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์ที่จัดอันดับเครดิตโดยฟิทช์ และบริษัทยังคงมีความเสี่ยงในด้านความสามารถในด้านการระดมเงินและสภาพคล่อง (funding and liquidity) ในช่วงที่ตลาดทุนอยู่ในสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากผลการระดมทุนของบริษัทที่ผ่านมายังไม่ได้รับการทดสอบเพียงพอว่ามีเสถียรภาพและสม่ำเสมอ รวมทั้งบริษัทยังมีประวัติในการระดมเงินในตลาดทุนที่ค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ตามในระยะสั้น ความเสี่ยงด้านการะดมเงินและสภาพคล่องอาจถูกลดทอนลงได้บ้างจากการที่บริษัทยังคงมีสินทรัพย์สภาพคล่องและวงเงินกู้ยืมที่ยังไม่ได้เบิกใช้

หุ้นกู้ด้อยสิทธิ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันที่ B(tha) พิจารณาจากอันดับเครดิตภายในประเทศในกรณีที่หุ้นกู้ดังกล่าวเป็นหุ้นกู้ระยะยาว (implied National Long-Term Rating) ซึ่งจะได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ BB-(tha) และจะเทียบเคียงมาเป็นอันดับเครดิตระยะสั้น ทั้งนี้การเทียบเคียงดังกล่าวเป็นไปตามเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตระยะสั้นของฟิทช์ (Bank Rating Criteria) อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิในกรณีที่เป็นอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ BB-(tha) นั้นเป็นระดับที่ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTBST ที่ BB(tha) อยู่ 1 อันดับ เพื่อสะท้อนถึงความเสี่ยงของการขาดทุนจากการชำระคืนเงินกู้ (loss severity risks) ของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีมากกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ที่ไม่ด้อยสิทธิ ซึ่งเป็นแนวทางการพิจาณาอันดับเครดิตที่สอดคล้องกับเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของฟิทช์ (Corporate Hybrids Treatment and Notching Criteria)

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

ASP การปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศนั้นมีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากอันดับเครดิตของ ASP นั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงแล้วเมื่อเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์อื่นในประเทศไทยที่ใช้ความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวบริษัทเองเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณาอันดับเครดิต อีกทั้งด้วยสภาวะการดำเนินงานปัจจุบันที่กำลังเผชิญความท้าทายที่สูงขึ้น

FSS การปรับเพิ่มอันดับเครดิตไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้นเนื่องจากภาวะธุรกิจที่มีความท้าทายสูงในปัจจุบันรวมถึงผลประกอบการของ FSS ที่ยังอ่อนแอ

ฟิทช์อาจปรับแนวโน้มของอันดับเครดิตเป็น "แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ" ได้หากผลการดำเนินงานของบริษัทแสดงถึงผลกระทบจากกรณีการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสในระดับที่ไม่มากนักและอยู่ในระดับที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมโดยรวมและบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ รวมทั้งบริษัทยังสามารถรักษาระดับเงินกองทุนและสภาพคล่องให้ทรงตัวต่อเนื่อง

KTBST ฟิทช์เชื่อว่าโอกาสที่อันดับเครดิตภายในประเทศจะได้รับการปรับเพิ่มอันดับในระยะสั้นนั้นมีค่อนข้างจำกัด เนื่องจากสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานที่ยังคงเผชิญกับความท้าทาย

อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของหุ้นกู้ด้อยสิทธิจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTBST ซึ่งเป็นอันดับเครดิตอ้างอิง แต่อย่างไรก็ตามโอกาสที่หุ้นกู้ด้อยสิทธิจะได้รับการปรับเพิ่มอันดับมีความเป็นไปได้น้อย ยกเว้น KTBST ได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตขึ้นไปหลายอันดับจนสูงกว่า ‘BBB(tha)’

ฟิทช์อาจปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น "แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ" หากผลประกอบการและผลกำไรของบริษัทได้รับผลกระทบในระดับที่ไม่มากนักจากการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมและบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ พร้อมทั้งบริษัทยังสามารถรักษาอัตราส่วนทางการเงินให้มีเสถียรภาพต่อเนื่อง เช่น อัตราส่วนทางการเงินด้านฐานะเงินกองทุนและฐานะสภาพคล่อง

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

ASP ฟิทช์อาจปรับลดอันดับเครดิต หากบริษัทมีผลประกอบการและผลกำไรที่ปรับตัวลดลงอย่างมาก และเกินกว่าการคาดการณ์ของฟิทช์และแนวโน้มอุตสาหกรรม อีกทั้งแรงกดดันต่อความสามารถในการทำกำไรจากการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจส่งผลให้อันดับเครดิตถูกปรับลดอันดับได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น หากบริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ย ต่ำกว่า 7% (9.6% ในปี 2562) เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง อาจส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต ซึ่งเหตุการณ์ดัวกล่าวอาจบ่งชี้ว่าความแข็งแกร่งของเครือข่ายธุรกิจ (franchise) หรือรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายของบริษัทอาจปรับตัวด้อยลงมากกว่าที่คาด

FSS อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดอันดับลงหากผลกำไรจากการดำเนินงานของ FSS อ่อนแอลงอย่างมากเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมที่ฟิทช์จัดอันดับเครดิต ยกตัวอย่างเช่น FSS มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีแผนการปรับปรุงความสามารถทางกำไรที่ชัดเจน รวมถึงระดับของเงินกองทุนของบริษัทที่อาจไม่ปรับตัวแข็งแรงขึ้นเพียงพอในการรองรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้การประกาศปรับลดอันดับเครดิตมีความเป็นไปได้หากฟิทช์พิจารณาว่าความเสี่ยงของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการที่บริษัทมีระดับการยอมรับความเสี่ยง (risk appetite) ที่สูงขึ้นหรือบริษัทมีความแข็งแกร่งของเครือข่ายธุรกิจด้อยลง

KTBST หากแนวโน้มการปรับตัวดีขึ้นของฐานะทางการเงินของ KTBST ที่ผ่านมา มีการกลับตัวเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่แย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ในด้านฐานะเงินทุน ด้านอัตรากำไรที่ลดลง หรือ การลดลงของสภาพคล่อง ซึ่งเป็นระดับที่มากกว่าการคาดการณ์ของฟิทช์และแนวโน้มของอุตสาหกรรมโดยรวม ตัวอย่างเช่น หาก KTBST มีผลประกอบการขาดทุน หรือมีสัญญาณที่บ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นของเจ้าหนี้มีการปรับตัวลดลง เช่น ในกรณีที่บริษัทไม่สามารถชำระหนี้เพื่อกู้ยืมเงินต่อได้ (roll over maturing debt) นอกจากนี้สภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานที่แย่ลงเป็นระยะเวลาต่อเนื่องหรือภาวะการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้น อาจะส่งผลกระทบในเชิงลงต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้เช่นกัน เนื่องจากบริษัทยังมีเครือข่ายธุรกิจหลักทรัพย์ที่มีขนาดจำกัด

การปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTBST ลงไปในกลุ่มอันดับเครดิต ‘B(tha)’ จะส่งผลให้อันดับเครดิตระยะสั้นของหุ้นกู้ด้อยสิทธิถูกปรับลดอันดับเครดิต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ