นายวีรพัฒน์ เพชรคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.คันทรี่กรุ๊ป (CGS) เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อมั่นว่าภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปีนี้จะมีทิศทางที่ดีขึ้นหลังได้ดำเนินการปรับองค์กรใหม่แล้ว โดยระยะสั้นมีการขยายโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มทรัพยากรบุคคลที่เชี่ยวชาญ และมีคุณภาพ เพื่อให้บริการลูกค้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้เชื่อว่าอาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทมีแผนขยายธุรกิจอื่นเพิ่มเติม อาทิ ธุรกิจให้บริการซื้อขายหุ้นรายตัว โดยใช้ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ธุรกรรมด้านตราสารหนี้ ธุรกรรมการยืม และการให้ยืมหลักทรัพย์ และธุรกรรมทางด้านสถาบันต่างประเทศ และบริการอื่นๆ
"หากสามารถดำเนินการขยายธุรกิจได้ตามแผนที่วางไว้ จะทำให้ในระยะยาว สามารถเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการแบบครบวงจร และได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนเป็นอันดับต้น ๆ"นายวีรพัฒน์ กล่าว
นายวีรพัฒน์ กล่าวว่า เป้าหมายในการดำเนินธุรกิจในปีนี้ยังคงเน้นด้านการให้บริการรอบด้านเพื่อรองรับลูกค้าให้ได้มากขึ้น โดยเน้นการเสริมธุรกิจที่มีศักยภาพ ให้มีความแข็งแรงและคล่องตัว นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน และการดำเนินงานทุกส่วนให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่ พร้อมขยายทีมมาร์เกตติ้งเพิ่ม
นอกจากนี้ ยังมีแผนลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ และอาจจะต้องมีการปรับกลยุทธ์ในการเลือกเน้นลูกค้าในแต่ละกลุ่ม มีการเน้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ บริการใหม่ๆ มากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพารายได้นอกเหนือจากค่าคอมมิชชั่นเพียงอย่างเดียว
ส่วนแนวโน้มธุรกิจหลักทรัพย์ ประเมินว่า ยังคงมีทิศทางที่ดี เนื่องจากจะเห็นได้ว่า ปัจจุบันตลาดมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เข้ามาเพื่อจูงใจนักลงทุน และเพิ่มโอกาสในการลงทุนมากยิ่งขึ้น ซึ่งธุรกิจหลักทรัพย์ ยังมีโอกาสเติบโตได้ ถ้ามีการเพิ่มเติมการบริการให้ครบวงจร และมีการเสริมธุรกิจอื่นเข้ามาช่วย ขณะที่การมองหาพันธมิตร ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรได้
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น บริษัทสามารถปรับตัวรับมือได้ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้มีการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ลงทุน ให้เจ้าหน้าที่การตลาดให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ล่าสุดอนุมัติให้ออกและเสนอขายตั๋วแลกเงิน หรือหุ้นกู้ หรือตราสารหนี้อื่นใด มูลค่ารวมไม่เกิน 3.5 พันล้านบาท และรับรองผลการดำเนินงานในงวดประจำปี 2562 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 138.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 700% จากงวดเดียวปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 17.32 ล้านบาท