บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) ที่ระดับ “BBB+" พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A-“
โดยที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" อันดับเครดิตสะท้อนถึงความสามารถในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงาน ผลงานที่ยาวนานในตลาดที่อยู่อาศัย และตราสินค้าที่ได้รับการยอมรับในตลาดบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม
นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงอุปสงค์ที่อยู่อาศัยที่ลดลง และวงจรธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวอันเป็นผลมาจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอนและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง ในการให้อันดับเครดิต ทริสเรทติ้งยังพิจารณาถึงมูลค่าของอาคารสำนักงานให้เช่าศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ซึ่งบริษัทใช้เป็นหลักประกันแก่ผู้ถือหุ้นตลอดอายุของหุ้นกู้ด้วย โดยบริษัทต้องดำรงอัตราส่วนมูลค่าหลักประกันต่อมูลค่าหุ้นกู้ให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 1.7 เท่าตลอดอายุหุ้นกู้
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทศุภาลัยจะสำเร็จตามแผน ทั้งนี้ การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งน่าจะช่วยให้บริษัทสามารถผ่านพ้นภาวะชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยไปได้ด้วยดี อีกทั้งยังคาดว่าบริษัทจะยังคงนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังและรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50% ต่อไปได้ในระยะปานกลาง
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทศุภาลัยเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยชั้นนำของไทยซึ่งก่อตั้งในปี 2532 บริษัทพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดโดยเน้นกลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลางด้วยราคาขายในระดับหลังละ 1-10 ล้านบาท ความได้เปรียบของบริษัทเกิดจากความสามารถในการควบคุมต้นทุนในการดำเนินงานและการเสนอขายที่อยู่อาศัยในโครงการจัดสรรของบริษัทที่กระจายในทำเลที่หลากหลายในราคาที่ดีกว่า
ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสแรกของปี 2550 ยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1,469 ล้านบาทจาก 1,292 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่ดีแม้ว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานจะลดลงเป็น 26% ในไตรมาสแรกของปี 2550 จากระดับเฉลี่ยที่ 30% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินทุนถาวรในไตรมาสแรกของปี 2550 ลดลงเป็น 19% (อัตราส่วนเต็มปี) จาก 25% ในปี 2549
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีความสามารถในการดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้แม้ว่าจะมีการขยายโครงการเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2550 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ 30% ซึ่งดีขึ้นจาก 33% ณ สิ้นปี 2549
ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงอย่างต่อเนื่องและส่งผลให้อุปสงค์ในตลาดที่อยู่อาศัยอ่อนตัวลง และแม้ว่าแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยจะค่อยๆ บรรเทาลง แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าอุปสงค์ในที่อยู่อาศัยจะยังคงชะลอตัวต่อไปในช่วงปี 2550-2551
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--