นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นตาม Sentiment ตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เคลื่อนไหวในแดนบวกกันราว 1% ตอบรับราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น และผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.00-0.25% พร้อมกับยืนยันว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวไปอีกนานจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว นอกจากนี้ยังมีความคืบหน้ายารักษาผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯด้วย
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งก็คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และให้ติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิต และภาคบริการของจีนในเดือนเมษายน ส่วนบ้านเราก็ให้ติดตามรายงานเศรษฐกิจรายเดือนของทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และติดตามผลประกอบการงวดไตรมาส 1/63 ของ PTTEP
พร้อมให้แนวรับ 1,270-1,275 จุด ส่วนแนวต้าน 1,286-1,300 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (29 เม.ย.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,633.86 จุด พุ่งขึ้น 532.31 จุด (+2.21%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,939.51 จุด เพิ่มขึ้น 76.12 จุด (+2.66%) ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,914.71 จุด เพิ่มขึ้น 306.98 จุด (+3.57%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 334.49 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 9.94 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 54.04 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 25.28 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.66 จุด
ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง, ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติของพระพุทธเจ้า
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 เม.ย.63) 1,282.68 จุด เพิ่มขึ้น 7.69 จุด (+0.60%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 447.24 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 เม.ย.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (29 เม.ย.63) ปิดที่ 15.06 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 2.72 ดอลลาร์ หรือ 22%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 เม.ย.) อยู่ที่ -0.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.39/41 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ หลังเฟดมีมติคงดอกเบี้ยตามคาด มองกรอบวันนี้ 32.30-32.50
- คนร.เคาะแผนอุ้มบินไทย สั่ง "คลัง" ค้ำกู้เสริมสภาพคล่องเพดาน 5 หมื่นล้านบาท ชงครม.ยกเว้น เงื่อนไขห้ามค้ำรัฐวิสาหกิจขาดทุน 3 ปี ติดต่อกัน หวังประคองให้อยู่ได้ในภาวะการบินทั่วโลกย่ำแย่ เปิดทางมืออาชีพเข้าบริหาร รับโจทย์เน้นเดินตามแผนฟื้นฟูเคร่งครัด
- "ฐากร"ส่งสัญญาณเตือนรัฐบาล รับมือวิกฤติโควิด-19 หวั่นเกิดการล่าอาณานิคมด้านเศรษฐกิจดิจิทัลยุคใหม่ ผ่านระบบ OTT ที่มีบริการหลากหลายรูปแบบตอบสนองชีวิตวิถีใหม่ ชี้ถึงเวลาพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส เสนอรัฐบาลเร่งทำ 3 เรื่องป้องกัน OTT กลืนกินเศรษฐกิจไทย
- รัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนถกแลกเปลี่ยนมาตรการฟื้นฟูอุตฯท่องเที่ยวในภูมิภาค สรุป 7 ข้อร่วมจับมือเดินหน้าฝ่าฟัน โควิด-19 ระบาด เตรียมพร้อมจัดการท่องเที่ยวหลังไวรัสยุติ ด้าน 'พิพัฒน์'ชูมาตรการ 2 ระยะ ช่วยพยุงภาคท่องเที่ยวไทย
- นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสากรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ได้ปรับลดประมาณการดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) ปี 2563 ทั้งปีติดลบ 6-7% เทียบจากเดือนมกราคม 2563 ที่คาดว่าทั้งปีขยายตัว 2-3% นับเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่เริ่มมีการคำนวณดัชนีเอ็มพีไอเมื่อเดือนมกราคม 2543 และอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ภาคอุตสาหกรรม คาดว่าติดลบ 5.5-6.5% จากเดิมคาดว่าขยายตัว 1.5-2.5% เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ออกไปเป็นวงกว้าง และยังควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ แม้ว่าปัจจัยในประเทศเริ่มผ่อนคลายในทิศทางที่ดีขึ้น
- น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า ยอดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันในรอบ 3 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-มีนาคม 2563) พบปริมาณการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน ดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน น้ำมันก๊าด และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) อยู่ที่ 150.56 ล้านลิตรต่อวัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.5% ยอดการใช้ปรับลดลงทุกกลุ่ม สาเหตุมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 จนไทยต้องปิดประเทศภายใต้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว
*หุ้นเด่นวันนี้
- KCE (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 17-18 บาท คาดกำไร Q1/63 อยู่ในระดับดีราว 300 ล้านบาท +19 Q-Q, +12% Y-Y เพราะ โควิด-19 กระทบน้อย แต่ Q2/63 ออร์เดอร์กลุ่ม Auto จะลดมากเพราะลูกค้าในยุโรปปิดโรงงาน ล่าสุดเริ่มมีข่าวโรงงานผลิตรถยนต์ในยุโรปเริ่มกลับมาผลิต ซึ่งจะส่งผลดีต่อ KCE ในระยะต่อไป แม้ว่าการฟื้นตัวของ Auto จะช้ากว่ากลุ่ม Consumer products ก็ตาม
- EPG (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า Bloomberg Consensus 7.30 บาท ต้นทุนการผลิตในปีนี้มีโอกาสลดลงตามทิศทางราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับต่ำ ทางฝั่งรายได้ตัวชูโรงในปีนี้คือธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกซึ่งอุปสงค์ยังอยู่ในระดับสูง ล่าสุดในช่วงเดือน พ.ค. EPG เตรียมวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์หน้ากากเอนกประสงค์พลาสติกประเภท Polypropylene ซึ่งมีคุณสมบัติคือสามารถนำมาทำความสะอาดและใช้ซ้ำได้ด้วยการเปลี่ยนแผ่นกรอง เบื้องต้นการผลิตหน้ากากพลาสติกในเฟสแรกมีเป้าหมายการผลิตที่ 2 ล้านชิ้น/เดือน หลังจากนั้นบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาและผลิตหน้ากาก N95 เพื่อใช้ในการแพทย์ในเฟสต่อไป สำหรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2563-2564 ตลาดประเมินไว้ที่ระดับ 1.03 พันล้านบาท และ 1.15 พันล้านบาท ขยายตัวได้ +14%YoY และ +12%YoY ตามลำดับ
- KTC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า IAA Consensus สูงสุด 45 บาท ได้ Sentiment บวกจากกระแสคาดการณ์ว่า KTC จะถูกปรับเข้าคำนวณในดัชนี MSCI รอบใหม่ (ประกาศผล 12 พ.ค.) คาดเป็นเป้าหมายในการเข้าซื้อของบรรดากองทุนโดยเฉพาะกองทุนประเภท Active Fund ที่จะเข้ามาซื้อก่อนที่ดัชนีรอบใหม่จะมีผลบังคับใช้ในช่วงปลายเดือน พ.ค.