นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะอ่อนตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่ตอบรับข่าวที่ประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ เพื่อตอบโต้จีนที่เป็นต้นตอการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งตลาดบ้านเราคงจะลงชดเชยในช่วงที่ได้ปิดทำการไปก่อน แต่การปรับตัวลงคงจะไม่แรง เนื่องจากไทยสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิดได้ดี นำไปสู่การคลายล็อกดาวน์ และราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวขึ้นทำให้ไปหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานได้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างรีบาวด์ขึ้นหลังวานนี้ร่วงแรงราว 2-3% และวันนี้หลายตลาดปิดทำการ ทำให้วอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมอาจเงียบเหงา พร้อมให้ติดตามดัชนีภาคบริการเดือนเม.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ในวันนี้ และการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้เช่นกัน
พร้อมให้แนวรับ 1,280-1,285 จุด ส่วนแนวต้าน 1,315-1,320 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (4 พ.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,749.76 จุด เพิ่มขึ้น 26.07 จุด (+0.11%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,842.74 จุด เพิ่มขึ้น 12.03 จุด (+0.42%) ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,710.71 จุด เพิ่มขึ้น 105.77 จุด (+1.23%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 141.97 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 15.41 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 36.47 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.16 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 37.91 จุด
ส่วนตลาดหุ้นจีน ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันแรงงาน, ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ และตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 เม.ย.63) 1,301.66 จุด เพิ่มขึ้น 18.98 จุด (+1.48%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,138.78 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 เม.ย.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (4 พ.ค.63) ปิดที่ 20.39 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 3.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 พ.ค.) อยู่ที่ -5.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.36 กลับมากังวลสงครามการค้า-จับตาตัวเลขเงินเฟ้อไทย คาดกรอบวันนี้ 32.30-32.45
- "สุริยะ" สบช่องพลิกวิกฤตโควิด-19 เร่งเครื่องแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแปรรูประยะที่ 1 เต็มสูบ หลัง ครม.อนุมัติแล้ว ดันไทยศูนย์กลางการผลิตอาหารแห่งอาเซียน และติด 1 ใน 10 ประเทศส่งออกอาหารโลกในปี 70 วาง 4 มาตรการขับเคลื่อน หวังเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมอุตสาหกรรมอาหารไทยเป็น 1.42 ล้านล้านบาท และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบาย "สมคิด" ด้านกรมโรงงานอุตสาหกรรมเว้นค่าธรรมเนียมโรงงาน 5.6 หมื่นแห่ง 1 ปี เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เริ่ม มิ.ย.นี้
- นักลงทุนต่างชาติ เดินหน้าขายหุ้นไทยต่อเนื่องเฉพาะเดือนเม.ย. ขายสุทธิกว่า 4.69 หมื่นล้าน หรือราว 1.4 พันล้านดอลลาร์ สูงเป็นอันดับ 2 รองจากเกาหลีใต้ "ทรีนีตี้" เผยยอดถือครองหุ้นไทยของ ต่างชาติร่วงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะ "บล.กสิกรไทย" โชว์สถิติ 8 ปี ต่างชาติขายรวมกว่า 9.03 แสนล้านบาท
- ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผยโควิด-19 ฉุดที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ไตรมาสแรกหดตัว 30% ใกล้เคียงน้ำท่วมใหญ่ปี'54 ที่เปิดต่ำสุด ด้านเน็กซัสระบุพบผู้ประกอบการงัดกลยุทธ์ลดราคาถึง 13-40% มากที่สุดรอบ 10 ปี
- นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบถึงภาคธุรกิจเกือบทุกประเภททั้งในและต่างประเทศอย่างรุนแรง รวมถึงอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย ซึ่งเป็นธุรกิจสำคัญที่สร้างรายได้เข้าประเทศนับแสนล้านบาทต่อปี เมื่อต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงได้รับผลกระทบไม่ต่างจากผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจอื่นทั้งในส่วนของภาคการส่งออกที่ไม่สามารถส่งสินค้าไปยังประเทศคู่ค้าได้
- ชงบอร์ดรฟท.รื้อประมูลสถานีกลางบางซื่อ เล็งรวมแปลงใหญ่ 100 ไร่เศษ หลังจากเปิดประมูลแปลงเอ 32 ไร่ ทำโครงการมิกซ์ยูส แต่ไม่มีเอกชนเข้าร่วม เสนอรวมแปลง 'อี' อีก 79 ไร่ ที่เดิมจะทำสำนักงานรฟท. เปลี่ยนให้เป็นโครงการมิกซ์ยูสเช่นเดียวกัน
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPALL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า IAA Consensus 81 บาท ปลอดภัยจาก Trade war และยังได้ประโยชน์มากสุดจากมาตรการเยียวยาของภาครัฐ อาทิ คืนเงินประกันมิเตอร์ไฟฟ้า 3 หมื่นล้านบาท และ แจกเงิน 5,000 บาทต่อรายจำนวน 2.4 แสนล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์ผ่านการถือหุ้น 55% ใน MAKRO จากกระแสแห่กักตุนสินค้า และเครื่องดื่ม โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอร์
- AP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6.20 บาท ซื้อรับเงินปันผล 0.40 บาท Yield 7.9% XD 12 พ.ค. จ่ายเงิน 27 พ.ค. แม้ถูกกระทบจาก โควิด-19 ซึ่งคาดว่ายอดขายในปีนี้จะหดตัว 23% ยอดโอนหดตัว 14% แต่กำไรลดลงเพียง 10% ดีกว่ากลุ่มที่ลดลงเฉลี่ยถึง 25% ทั้งนี้กระจายพอร์ตดีทั้งแนวราบและคอนโดในตลาดทุกเซกเมนต์ มีจุดเด่นในการขายแนวราบซึ่งเป็น Real demand (Q1/63 มียอดขายถึง 6 พันลบ. 84% เป็นแนวราบ) มี Backlog แข็งแกร่ง 1.5 หมื่นลบ.ทยอยรับรู้ถึงปี 2566 มีลูกค้าต่างชาติเพียง 15% ลดความเสี่ยงการโอน ฐานะการเงินแข็งแรง IBD/E 1.1x และ PE ต่ำ 5.8x