นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นเดือน พ.ค. 63 มีโอกาสที่จะย่อตัวได้บ้างหลังจากดัชนีปรับตัวสูงขึ้นมาซื้อขายที่ระดับ forward P/E ที่ 17.6 เท่าแล้ว ซึ่งสูงกว่าระดับของปีที่แล้วทั้งปีอีกด้วย ดังนั้นในแง่ของ Valuation หุ้นไทยถือว่าแพงมาก
สถานการณ์แบบนี้จึงเหมาะกับการลงทุนระยะสั้นมากกว่า ให้กรอบดัชนีมีแนวรับ 2 ระดับ คือที่ 1,200 จุดและถัดไปที่ 1,150 จุด ส่วนแนวต้านประเมินที่ 1,350 จุด
ส่วนการลงทุนระยะกลางและยาวให้รอเข้าซื้อในช่วงปลายเดือน มิ.ย.หรือพ้นไตรมาส 2 ไปแล้ว เพราะประเมินว่าตลาดหุ้นมีโอกาสปรับฐานแรงได้อีกครั้ง หลังสิ้นสุดมาตรการกำหนดขายชอร์ตได้เฉพาะในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายหรือ "Uptick rule"
"มาตรการนี้มีผลกระทบแรงมาก ทำให้มูลค่าการขายชอร์ตลดลงมาเหลือระดับ 1,000 ล้านบาทต่อวันจากเดิม 5,000 ล้านบาทต่อวัน ขณะที่ธุรกรรมบล็อกเทรดเองก็ลดปริมาณสัญญาต่อวันจาก 3.5 แสนสัญญาเหลือ 1 แสนสัญญาต่อวัน ดังนั้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคมเป็นต้นมา จึงแทบไม่เห็นดัชนีหุ้นลงแรงในระดับ 50-100 จุดต่อวันเหมือนกับช่วงก่อนหน้า"
นายณัฐชาต กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในเดือนพ.ค.แนะนำลงทุน 3 ธีม ประกอบด้วย 1. กลุ่มโรงกลั่น เพราะมองว่าผลประกอบการทำจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาสแรกของปีไปแล้ว และมีมุมมอง เชิงบวกต่อราคาน้ำมันมากขึ้นหลังปัญหา Technical issue ต่างๆ ในตลาดน้ำมันเริ่มลดลง แนะนำหุ้นไทยออยล์ (TOP) สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) และบางจากคอร์ปอเรชั่น (BCP)
"เรามองว่าราคาน้ำมันดิบไม่น่าจะดิ่งลงแรงเหมือนช่วงที่ผ่านมาเพราะล่าสุดกองทุน USO ในสหรัฐฯ ได้ปรับการถือครองสัญญาน้ำมันใหม่จากเดิมที่ถือสัญญารุ่นสั้นสัดส่วนกว่า 80% เปลี่ยนเป็นกระจายหลายสัญญามากขึ้นและลดการถือสัญญารุ่นใกล้เหลือเพียง 30% เท่านั้น จึงลดแรงกดดันต่อราคาน้ำมันช่วง Rollover ไปได้มาก"
2. กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งราคาหุ้นได้สะท้อนผลดำเนินงานไตรมาส 1/63 ไปเกือบหมดแล้ว แนะนำหุ้นธนาคารกรุงเทพ (BBL) เพราะมีโอกาสลุ้นที่จะถูกนำกลับเข้าไปคำนวณในดัชนี MSCI ที่จะประกาศช่วงวันที่ 12 พ.ค. นี้
3. กลุ่มหุ้นที่ทรีนีตี้คำนวณว่ามีโอกาสถูกคัดเลือกเข้าสู่การคำนวณดัชนี SET50 ในรอบถัดไป ได้แก่หุ้นทีทีดับบลิว (TTW) และบ้านปู เพาเวอร์ (BPP)
นายณัฐชาต กล่าวว่า จากสถิติที่ได้ทำการศึกษาย้อนหลัง 20 ปี (2000-2019) พบว่าส่วนใหญ่ในช่วงเดือน พ.ค.ของทุกปีมักเป็นช่วงที่เงินบาทอ่อนค่า เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนแล้วได้รับเงินปันผลจะนำเงินกลับออกไปต่างประเทศ แต่จากสถิติ 20 ปีที่ผ่านมา ไม่พบนัยสำคัญที่ว่านักลงทุนต่างชาติจะมีการขายหุ้นในเดือนพ.ค. และ SET Index จะต้องปรับลงในเดือนนี้แต่อย่างใด