นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) ซึ่งเดิม คือ บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) เปิดเผยว่า หุ้น EP พร้อมจะย้ายไปซื้อขายในกลุ่มพลังงานภายในเดือน มิ.ย.จากเดิมอยู่ในกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
เมื่อย้ายไปเทรดในกลุ่มพลังงานแล้วจะเห็นว่าราคาหุ้นปัจจุบัน มีราคาเทียบกับกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) อยู่ที่ 4.86 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ P/E กลุ่มพลังงานอยู่ที่ประมาณ 14.86 เท่า รวมทั้งเมื่อเทียบกับธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีค่า P/E ประมาณ 30-200 เท่า
"เมื่อหุ้น EP เข้าไปเทรดในกลุ่มพลังงานก็จะเห็นว่าเป็นหุ้นที่มี P/E ratio ต่ำที่สุด หากเทียบกับการดำเนินธุรกิจและแนวโน้มการเติบโตในอนาคต ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจจากนี้ไปจะเติบโตได้อย่างโดดเด่น"นายยุทธ กล่าว
นายยุทธ กล่าวอีกว่า ในส่วนของฐานะการเงินของบริษัทตอนนี้มีสภาพคล่องทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีสภาพคล่องเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจได้โดยไม่สะดุด และมีความพร้อมสามารถจ่ายหุ้นกู้ได้ตามปกติ
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 63 มั่นใจว่าสามารถผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้อย่างแน่นอน โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 30% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 2,494.12 ล้านบาท เนื่องจากจะรับรู้การจำหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 440 เมกะวัตต์ (MW) ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทเตรียมจะเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่นเพิ่มเติมอีกประมาณ 2-3 เมกะวัตต์
ขณะเดียวกันพิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 200-372 เมกะวัตต์ของบริษัทย่อย โดยให้ทำประมาณการการลงทุนไว้ พร้อมกับให้พิจารณาหาผู้ร่วมทุนเพื่อระดมทุนในอนาคต เพราะที่ผ่านมามีสถาบันทั้งใน และต่างประเทศให้ความสนใจจำนวนมาก
นอกจากนี้ บริษัทได้ปรับการดำเนินธุรกิจบรรจุภัณฑ์ โดยหันมาเน้นผลิตเพื่อรองรับธุรกิจส่งของในประเทศ เพราะมีแนวโน้มเติบโตสูงซึ่งจะสามารถชดเชย ธุรกิจสิ่งพิมพ์ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง รวมถึงยังมีคำสั่งซื้อจากธุรกิจร้านอาหาร และเครื่องดื่มอีกจำนวนมาก ซึ่งบริษัทมองว่าธุรกิจดังกล่าวน่าจะเห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญได้ในอนาคต