(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์ตามภูมิภาค หลังตัวเลขส่งออกจีนดีกว่าคาด-จับตาทั่วโลกทยอยเปิดเศรษฐกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 8, 2020 09:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ได้หลังจากที่ปรับตัวลงไป 2 วันราว 40 จุดแล้ว คาดว่าน่าจะได้รับอานิสงส์จากตัวเลขส่งออกของจีนที่ออกมาดีกว่าตลาดคาด โดยยอดส่งออกของจีนในเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 3.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า อาจลดลง 11% และตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างบวกกันกว่า 1%

นอกจากนี้จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐชะลอตัวลง หลังเมื่อวานนี้ (7 พ.ค.) กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 3.17 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว นับเป็นตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่มีการรายงานต่ำที่สุดในช่วง 7 สัปดาห์ นับตั้งแต่ที่สหรัฐประกาศล็อกดาวน์ในรัฐต่างๆ ในช่วงครึ่งหลังของเดือนมี.ค.เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ น้ำหนักตลาดยังอยู่ที่การทยอยเปิดเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ โดยฝั่งยุโรปได้มีการเตรียมที่จะคลายล็อกดาวน์เพิ่ม และไทยก็จะมีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ระยะ 2 ซึ่งตามข่าวก็เห็นว่าจะเปิดห้างสรรพสินค้าในวันที่ 17 พ.ค.นี้

อย่างไรก็ดี ตลาดฯคงจะมี upside จำกัด จาก Valuation ที่ตึงตัว พร้อมให้แนวรับ 1,240-1,230 จุด ส่วนแนวต้าน 1,265-1,270 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 พ.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,875.89 จุด เพิ่มขึ้น 211.25 จุด (+0.89%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,881.19 จุด เพิ่มขึ้น 32.77 จุด (+1.15%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,979.66 จุด เพิ่มขึ้น 125.27 จุด (+1.41%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 297.32 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 11.19 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 212.73 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 40.30 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 16.33 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 8.78 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 5.19 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 พ.ค.63) 1,257.98 จุด ลดลง 20.65 จุด (-1.62%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,028.58 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 พ.ค.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 พ.ค.63) ปิดที่ 23.55 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 44 เซนต์ หรือ 1.8%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 พ.ค.) อยู่ที่ -1.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.30 แข็งค่าจากวานนี้ หลังดอลล์อ่อนจากบอนด์ยีลด์สหรัฐฯปรับตัวลง จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรคืนนี้
  • แบงก์ชาติ เปิดยอดคำขอซอฟท์โลนล่าสุด ทะลุ 3.6 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมลูกหนี้ 2.2 หมื่นคน กระจายทั่วประเทศ ย้ำกว่า 74% เป็นเอสเอ็มอีขนาดเล็กในต่างจังหวัด พร้อมกำชับห้ามคิดค่าธรรมเนียมปล่อยกู้ ด้าน "แบงก์กรุงเทพ" เผยยอดขอกู้ล่าสุดกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท คลุมลูกหนี้ 3 พันราย
  • กกร.ลดเป้าเศรษฐกิจ ปี 2563 คาดจีดีพีลบ 3% ถึงลบ 5% ด้านส่งออกทรุดหนัก ลบ 10% เผยเศรษฐกิจไทยถึงจุดต่ำสุดแล้ว แต่ต้องใช้เวลาอีกในการฟื้นตัว พร้อมตั้งคณะกรรมการพิจารณาการเข้าร่วม "ซีพีทีพีพี" ก่อนสรุปจุดยืนภาคเอกชน
  • "สมคิด" รับเศรษฐกิจโลกทรุด ส่วนไทยต้องอาศัยความร่วมมือทั้งจากคนรวยและคนจน ขณะที่ กกร.ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ติดลบ 3-5% ดีกว่าไอเอ็มเอฟประเมินไว้หลังโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย รัฐเริ่มผ่อนคลายล็อกดาวน์แต่ต้องอยู่บนสมมติฐานที่โควิด-19 ไม่กลับมาอีก รอลุ้นกลาง พ.ค.รัฐอาจคลายล็อกให้ธุรกิจกลับมาเปิดได้เพิ่มเติม
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จัดทำบทวิจัย โดยระบุว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ไทยผลักดันสู่จุดต่ำสุดในรอบกว่า 9 ปี ด้วยปริมาณการผลิตที่อาจหดตัวสูงถึงกว่าร้อยละ 25 ลดลงไปแตะตัวเลข 1,520,000 คัน นำโดยการ ส่งออกที่อาจหดตัวสูงถึงกว่าร้อยละ 29 ด้วยตัวเลขส่งออกที่ลดลงเหลือเพียง 750,000 คัน ขณะที่ตลาดในประเทศก็เผชิญกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ทำให้อาจหดตัวไปถึงร้อยละ 21 ด้วยยอดขาย 800,000 คัน ส่วนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์สู่ภาวะปกติอีกครั้ง คาดว่าอาจเป็นช่วงกลางปี 2564 ถึงหรือต้นปี 2565

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BTS (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 13.5 บาท ได้ Sentiment บวกจำนวนผู้โดยสารเร่งตัวขึ้นหลังภาครัฐคลาย lockdown ตั้งแต่ 3 พ.ค. ขณะที่รายได้รับจ้างเดินรถจะเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งหลังจากเปิดเดินรถสายสีเขียวเหนือเส้นทางสถานีห้าแยกลาดพร้าวถึงสถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์รวม 5 สถานีเข้ามาเต็มปี และเตรียมที่จะเปิดเพิ่มอีก 4 สถานีในช่วงเดือน มิ.ย.
  • BEM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 10.50 บาท จำนวนผู้โดยสารเพิ่มอย่างรวดเร็วหลังผู้คนเริ่มกลับมาทำงาน แต่อย่าคาดหวังกับผลประกอบการ H1/63 คาดกำไร Q1/63 -16% Q-Q, -46% Y-Y จากรายจ่ายเพิ่มจากการเปิดบริการรถไฟฟ้าน้ำเงินต่อขยาย และโควิด-19 ทำให้ปริมาณรถบนทางด่วนและผู้โดยสารรถไฟฟ้าชะลอตั้งแต่กลาง มี.ค. และหนักสุดในเดือน เม.ย. พร้อมมองไปข้างหน้ามีลุ้นประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มมูลค่า 1.2 แสนล้านบาท และเส้นอื่น ๆ ที่ยังไม่รวมในประมาณการ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ