ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1 หมื่นลบ.CPALL ที่ "AA-"แทนที่หุ้นกู้ไถ่ถอนภายใน 10 ปีชุดเดิม

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 8, 2020 17:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL) ที่ระดับ "AA-" ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาทกำหนดไถ่ถอนภายในระยะเวลาไม่เกิน 12 ปีของบริษัทที่ระดับ "AA-" ด้วยเช่นกัน

อันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่จะใช้ทดแทนอันดับเครดิตหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท ที่มีกำหนดไถ่ถอนภายในระยะเวลา 10 ปี ที่ ทริสเรทติ้งได้ประกาศเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2563 เนื่องจากบริษัทปรับเพิ่มระยะเวลากำหนดไถ่ถอนของหุ้นกู้ที่ออกจำหน่าย โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปจ่ายชำระหนี้เดิมของบริษัท

อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทจากการเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อในประเทศไทย ตลอดจนลักษณะของธุรกิจค้าปลีกที่สามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน การมีเครือข่ายสาขาที่แข็งแกร่งครอบคลุมทั่วประเทศ และการมีธุรกิจสนับสนุนที่เข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม การพิจารณาอันดับเครดิตดังกล่าวยังคำนึงถึงการแข่งขันที่รุนแรงในกลุ่มผู้ค้าปลีกและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่เป็นไปอย่างเชื่องช้าซึ่งส่งผลกระทบในด้านลบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคด้วย

ผลประกอบการของบริษัทในปี 2562 เป็นไปตามที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทเพิ่มขึ้น 5.5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ระดับ 52,264 ล้านบาท ในขณะที่เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้น 9.3% มาอยู่ที่ระดับ 38,561 ล้านบาท หนี้สินและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้น อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุน (หนี้สินทางการเงินรวมถึงหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนคงค้างและค่าเช่าดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้ว) ของบริษัทลดลงจาก 69.5% ในปี 2561 มาอยู่ที่ระดับ 67.5% ในปี 2562 ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายปรับตัวดีขึ้นจาก 3.7 เท่าในปี 2561 มาอยู่ที่ 3.5 เท่าในปี 2562

แม้ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้น บริษัทยังมีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในอนาคต ทริสเรทติ้งคาดว่า หากการซื้อกิจการเทสโก้ประสบความสำเร็จจะส่งผลให้ระดับหนี้สินของบริษัทเพิ่มขึ้นและส่งผลต่อความเสี่ยงทางการเงินของบริษัทเป็นอย่างมาก โดยคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนจะสูงขึ้นอยู่ที่ระดับ 75% จากระดับ 67.5% ในปี 2562

เครดิตพินิจ (CreditAlert)

ทริสเรทติ้งได้ออกประกาศเครดิตพินิจแนวโน้ม "Negative" หรือ "ลบ" ให้แก่อันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ทั้งหมดของบมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2563 ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการประกาศว่าบริษัทจะลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 40 ในบริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ Tesco Stores (Malaysia) Sdn. Bhd. มูลค่าเงินลงทุนสัดส่วนร้อยละ 40 ในส่วนของบริษัท เทียบเท่ากับ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือประมาณ 9.6 หมื่นล้านบาท) โดยบริษัทจะใช้เงินกู้ทั้งจำนวนสำหรับการลงทุนครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม การทำธุรกรรมในครั้งนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อบริษัทบรรลุเงื่อนไขบังคับก่อนตามที่กำหนดไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งรวมถึงการได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบไปด้วยสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า Ministry of Domestic Trade and Consumer Affairs of Malaysia และได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของ Tesco PLC ซึ่งบริษัทคาดว่าหากธุรกรรมดังกล่าวได้รับความเห็นชอบ กระบวนการซื้อกิจการจะแล้วเสร็จภายในปลายปี 2563 นี้

เครดิตพินิจแนวโน้ม "Negative" หรือ "ลบ" สะท้อนถึงความเห็นของทริสเรทติ้งว่าอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับลดลงหรือยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากระดับในปัจจุบัน ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมองว่าการซื้อกิจการในครั้งนี้จะช่วยเสริมสถานะความแข็งแกร่งในธุรกิจค้าปลีกของบริษัทผ่านทางการร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจค้าปลีกชั้นนำในประเทศไทยและมาเลเซีย อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าการซื้อกิจการโดยใช้เงินกู้ครั้งนี้ หากประสบความสำเร็จจะส่งผลให้ระดับหนี้สินของบริษัทเพิ่มขึ้นและส่งผลต่อความเสี่ยงทางการเงินของบริษัทเป็นอย่างมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ