BLISS มั่นใจพลิกเป็นกำไรตั้งแต่ Q2/50, รับเจรจาบจ.เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน

          นายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.บลิส-เทล (BLISS) คาดว่าในไตรมาส 2/50 บริษัทจะกลับมามีกำไรได้ หลังจากไตรมาส 1/50 ที่ขาดทุน 66 ล้านบาท และคาดว่าจะมีกำไรต่อเนื่องในไตรมาส 3 และ  4 ของปีนี้ เนื่องจากบริษัทพยามเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น โดยปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ  3-4% จากปีก่อนที่อัตรากำไรขั้นต้นติดลบ 
          ในปี 49 มีขาดทุนสุทธิ 453.8 ล้านบาท และในไตรมาส 1/50 ขาดทุนสุทธิ 66.08 ล้านบาท 
         ทั้งนี้บริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตร ได้แก่ บมจ.เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่นเอ็มลิงค์ (MLINK) ในการสั่งซื้อเครื่องโทรศัพท์มือถือ ทำให้ต้นทุนของบริษัทลดลง รวมถึงมีการจัดแคมเปญร่วมกันกับ บมจ.อินเตอร์เนชั่นเนิล เอนจีเนียริง(IEC) และ   MLINK เพื่อกระตุ้นยอดขาย 
          แต่สำหรับรายได้ปีนี้คาดว่าปีนี้จะอยู่ที่  6-7 พันล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนที่ 8 พันล้านบาท  เนื่องจากกำลังซื้อของประชาชนในไตรมาส 1/50 ลดลงไปมาก จากการขาดความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายที่มีผลกระทบจากการเมือง อย่างไรก็ดี เชื่อว่าครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น 
          "นับตั้งแต่ไตรมาส 2 เรามั่นใจกำไรจะกลับมาเป็นบวกได้ และเชื่อมั่นว่าตลาดผู้บริโภคครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น แต่การที่ไตรมาส 1 มีผลประกอบการไม่ดี ทำให้ปีนี้รายได้ทำได้แค่ 6-7 พันล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าปีก่อน" นายอรรถวิชญ์กล่าว 
          ทั้งนี้ คาดว่าในปี 50 จะมียอดขายโทรศัพท์มือถือภาพรวม 7 ล้านเครื่อง ซึ่ง BLISS ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาด 15-18% 
          ส่วนการขายหุ้นเพิ่มทุนที่เหลืออยู่ 361 ล้านหุ้น สำหรับจัดสรรให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP)นั้น นายอรรถวิชญ์กล่าว  บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่ยังมีหลายบริษัทติดต่อเข้ามาเป็นพันธมิตรธุรกิจกับบริษัท
          "ทุกวันนี้มีบริษัทเข้ามาติดต่อเป็นพันธมิตรอยู่หลายราย แต่ที่อยู่ระหว่างการเจรจาเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งยังไม่สามารถกำหนดเวลาที่จะสรุปการเจรจาได้ เพราะต้องขึ้นอยู่กับผลการเจรจา...สำหรับ MLINK ที่ร่วมทำโปรโมชั่นขายสินค้าจะเข้ามาเป็นพันธมิตรหรือไม่เป็นเรื่องในอนาคต ที่ต้องศึกษาการทำงานร่วมกันก่อน " นายอรรถวิชญ์กล่าว 
          สำหรับพอร์ตการลงทุนของบริษัท ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผย เนื่องจากที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก แต่บริษัทเชื่อมั่นว่าพอร์ตลงทุนของบริษัทให้ผลตอบแทนดีกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์