นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า จากการที่ ก.ล.ต. ได้มีการติดตามตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งพบว่าตลาดตราสารหนี้มีประเด็นเชิงนโยบายหลายประการ เช่น สภาพคล่องของตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องของผู้ลงทุนในตราสารหนี้ การทำหน้าที่ของตัวกลาง และผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้องในตลาดตราสารหนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานกลางและฐานข้อมูลในตลาด รวมถึงประเด็นตราสารหนี้กลุ่มเสี่ยง โดยที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ดำเนินมาตรการเพื่อยกระดับ ecosystem ให้รัดกุมยิ่งขึ้นไปแล้วในบางส่วน
อย่างไรก็ดี เพื่อให้การกำหนดนโยบาย ทิศทาง เป้าหมาย และแนวทางการดำเนินการที่สำคัญในตลาดตราสารหนี้ มีประสิทธิผลและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. เพื่อให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และประสานงานระหว่างผู้ร่วมตลาดทุนได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งติดตามและประเมินสถานการณ์ตลาดตราสารหนี้ โดยเฉพาะกลุ่มตราสารหนี้ที่มีความเปราะบาง ตลอดจนเสนอแนะการแก้ปัญหาของผู้ระดมทุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเป็นรายกรณีหากจำเป็น รวมทั้งแนวทางการส่งเสริมและผลักดันให้มีการจัดตั้งกองทุน High Yield Bond เป็นต้น
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ ประกอบด้วยที่ปรึกษาและกรรมการรวม 17 คน โดยที่ปรึกษาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในตลาดตราสารหนี้ ได้แก่ (1) เลขาธิการ ก.ล.ต. (2) นางพรอนงค์ บุษราตระกูล (3) นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ (4) นายอาสา อินทรวิชัย (5) นายสอาด ธีรโรจนวงศ์
และกรรมการซึ่งเป็นผู้แทนองค์กรต่าง ๆ ได้แก่ กรมบังคับคดี สภาธุรกิจตลาดทุนไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ชมรมวาณิชธนกิจ และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ที่มีสัดส่วนการให้บริการสูงในตลาดซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์และบริษัทหลักทรัพย์ ประเภทธุรกิจละ 1 รายคือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และบล.เคทีบี (ประเทศไทย) รวมทั้งคณะผู้บริหาร ก.ล.ต.