บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ระบุว่า ากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีที่มีมติอนุมัติในหลักการในการปรับเพิ่มเพดานอัตราภาษีสุรายังไม่มีผลกระทบในทันทีต่ออันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยทริสเรทติ้งเห็นว่ายังเร็วเกินไปที่จะประเมินถึงผลกระทบที่จะเกิดจากอัตราภาษีที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นว่าจะมีต่อปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพียงใด
ทริสเรทติ้งแสดงความเห็นดังกล่าวหลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2550 รับหลักการในการปรับปรุงพระราชบัญญัติสุรา โดยมีสาระสำคัญในส่วนของการเพิ่มเพดานอัตราภาษีสุราเป็น 90% ของมูลค่าราคา ณ โรงงาน หรือ 1,000 บาทต่อปริมาณแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 1 ลิตร แล้วแต่ว่าอัตราใดจะสูงกว่ากัน จากเดิมที่กำหนดเพดานอัตราภาษี 50% หรือ 400 บาทสำหรับสุรากลั่น และ 60% หรือ 100 บาทสำหรับสุราแช่ ซึ่งในปัจจุบัน บริษัทไทยเบฟเวอเรจ เสียภาษีสรรพสามิตในอัตรา 55% ของมูลค่าราคา ณ โรงงานสำหรับเบียร์ และ 400 บาทต่อปริมาณแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 1 ลิตรสำหรับสุราสี
อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่าหากการปรับปรุงพระราชบัญญัติสุราดังกล่าวมีผลบังคับใช้และคณะรัฐมนตรีตัดสินใจที่จะขึ้นอัตราภาษีสุรา ผู้ผลิตมีแนวโน้มจะผลักภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นบางส่วนให้แก่ผู้บริโภค ส่งผลให้ราคาขายของเบียร์และสุราเพิ่มขึ้น และจะมีผลทำให้ปริมาณการบริโภคและยอดขายสุราลดลง
ทริสเรทติ้งกล่าวเพิ่มเติมว่าการขึ้นอัตราภาษีสุราจะส่งผลกระทบต่อยอดขายและกำไรของผู้ผลิต ตัวอย่างเช่นบริษัทไทยเบฟเวอเรจ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเบียร์และสุรารายใหญ่ที่สุดของไทย และได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้มีการค้ำประกันจากทริสเรทติ้งที่ระดับ “AA-" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่"
ดังนั้น ทริสเรทติ้งจะติดตามมาตรการดังกล่าวของภาครัฐที่อาจส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ
อย่างใกล้ชิดต่อไป
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--