นางพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า ธนาคารมองเห็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่จะได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วมประมูลโครงการก่อสร้างจากภาครัฐตลอดจนการลงทุนของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่จะเกิดขึ้นภายในปี 63 เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจทดแทนการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชนที่ชะลอตัว
ทั้งนี้ ในระหว่างรอสัญญาณเดินหน้าจากภาครัฐ ธนาคารได้เตรียมแคมเปญสินเชื่อเพื่อธุรกิจรับเหมาภาครัฐ เพื่อช่วยสนับสนุนเอสเอ็มอีในกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลงานจากภาครัฐได้อย่างเต็มศักยภาพ ด้วยโซลูชั่นครบวงจรที่ออกแบบสำหรับธุรกิจรับเหมาภาครัฐโดยเฉพาะ ช่วยให้ผู้ประกอบการมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาดโอกาสในการประมูลงานที่สำคัญอย่างแน่นอน
SCB คาดว่าในปี 63 หน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจจะมีการเปิดประมูลงานรับเหมาสำหรับโครงการขนาดต่างๆ จึงเป็นที่มาของโซลูชั่นครบวงจรที่ออกแบบเพื่อการช่วยเหลือและเพิ่มประสิทธิภาพพร้อมการเติบโตสำหรับธุรกิจรับเหมาภาครัฐโดยเฉพาะ ด้วยการยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงินผ่านบริการ SCB Business Anywhere นาน 1 ปี เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถนำเงินส่วนนั้นไปใช้ในการดูแลพนักงานและเตรียมพร้อมสำหรับการทำธุรกิจ พร้อมเปิดตัวเลือกสำหรับการยกเว้นค่าธรรมเนียมโอนเงินผ่านและรับฝากเช็คข้ามเขตตลอดไป (เมื่อชำระเบี้ยประกันตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป) เพื่อช่วยเหลือและเพิ่มความคุ้มครองให้ผู้ประกอบการ
รวมถึงสินเชื่อเพื่อการหมุนเวียนธุรกิจรับเหมาก่อสร้างภาครัฐ (วงเงินการหนังสือค้ำประกัน (L/G) สูงสุด 100 ล้านบาท ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจเดินหน้าไม่มีสะดุดด้วยวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน (O/D และ P/N) สูงสุด 100% ของมูลค่าหลักประกัน) ผ่านการตั้งอนุมัติวงเงินสำหรับโครงการนี้ไว้ถึง 1.7 หมื่นล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถประกอบธุรกิจได้ตลอดการรับงานจากภาครัฐ พร้อมจับมือกับ Builk ผู้ประกอบการและผู้เชี่ยวชาญทางด้านรับเหมาก่อสร้างโดยนำโปรแกรมพจมาน 2 ซึ่งเป็นระบบ ERP ในการคำนวณต้นทุน กำไร ครอบคลุมถึงส่วนต่าง ๆ ในธุรกิจเพื่อสร้างประสิทธิภาพและสร้างการเติบโตในการทำธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการ
นางพิกุล กล่าวว่า แว่าภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 63 มีแนวโน้มชะลอตัวลงซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากสถานกาณ์โควิด-19 ตั้งแต่ไตรมาส 1/63 เป็นต้นมา ธนาคารได้ตั้งรับและเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบมาโดยตลอดกับโครงการต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา และเพื่อเป็นการสนับสนุนโครงการภาครัฐที่สำคัญกับประเทศในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานระยะยาวสำหรับคนไทยและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมประมูลงานและรับงานจากภาครัฐสามารถดำเนินงานได้อย่างควบคู่กันไป
ทางธนาคารได้เตรียมความพร้อมเพื่อการเดินหน้าทำงานได้อย่างต่อเนื่องและเติบโตต่อได้เช่นเดียวกัน ซึ่งธุรกิจที่พร้อมหนุนโดยเมื่อดูจากการใช้จ่ายภาครัฐจะยังคงเกิดขึ้นตามแผนงบประมาณประจำปี 63 จำนวน 3.2 ล้านล้านบาท โดยเป็นงบลงทุนสำหรับพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคของประเทศถึง 6.4 แสนล้านบาท เพื่อรองรับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เช่น โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นต้น