นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.บีฟิท(BSEC)เชื่อว่า ในปีนี้บริษัทจะสามารถไปถึงเป้าหมายส่วนแบ่งตลาดนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์(มาร์เก็ตแชร์)ที่ 4% ได้ โดยวานนี้(25 ก.ค.)บริษัทฯมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 5.4% และในเดือน ก.ค.มาร์เก็ตแชร์เฉลี่ยอยู่ในระดับ 4.02% รวมทั้งตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้มาร์เก็ตแชร์เฉลี่ยได้เกือบ 4% แล้ว จึงคิดว่าไม่ยากนักที่ทำได้ตามเป้าหมาย หากภาวะตลาดหุ้นไทยยังคงดีอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าที่มีบัญชี Active เกือบ 2,000 ราย จากทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 5,000 ราย ซึ่งเมื่อภาวะตลาดหุ้นไทยดีขึ้น ทำให้ลูกค้ารายบุคคล โดยเฉพาะลูกค้ารายใหญ่หันกลับเข้ามาเทรดหุ้นกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะลูกค้าที่เล่นหุ้นด้วยเครดิต บาลานซ์ ขณะนี้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น และบริษัทฯก็เปิดให้เล่นมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้บริษัทฯมีเงินสดอยู่ประมาณ 2,000 ล้านบาทมากเพียงพอที่จะให้บริการได้ แต่ก็อยู่ภายใต้การควบคุมความเสี่ยงเป็นอย่างดีและกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ สัดส่วนลูกค้าของบริษัทฯส่วนใหญ่ยังเป็นนักลงทุนบุคคล 90% และสถาบันอีก 10% และยังไม่มีลูกค้าต่างชาติส่งออเดอร์ให้
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า บริษัทฯมีนโยบายที่จะมุ่งเน้นการพัฒนาในด้านการบริหารโดยระบบ IT เป็นหลัก ทั้งในส่วนของ Back office และ Front office ซึ่งเป็นไปตามโลกของการแข่งขัน โดยมองว่าอนาคตระบบ IT จะเข้ามาส่วนสำคัญกับการบริหารงานมากขึ้น ดังนั้น บริษัทฯจึงให้ความสำคัญและหันมาพัฒนาอย่างจริงจัง
อย่างเช่นบริการอินเตอร์เน็ต เทรดดิ้ง ก็เป็นจุดหนึ่งที่เห็นผลจากการพัฒนาด้าน IT โดยขณะนี้บริษัทฯสามารถครองมาร์เก็ตแชร์ในส่วนของอินเตอร์เน็ต เทรดดิ้ง เป็นอันดับ 1 มาแล้ว 2 เดือน โดยในเดือน พ.ค.บริษัทฯมีมาร์เก็ตแชร์ 15.1% และเดือนมิ.ย.มีมาร์เก็ตแชร์ 14.8%
"2 เดือนที่ผ่านมามาร์เก็ตแชร์ในส่วนของอินเตอร์เน็ต เทรดดิ้ง สูงขึ้นมาจนถึงมาครองอันดับ 1 ได้ติดต่อกันแล้ว ถือได้ว่าบริษัทฯสามารถโค่นแชมป์อย่าง กิมเอ็งฯ ได้ และเป้าหมายของบริษัทฯก็ยังคงต้องการที่ครองแชมป์อันดับ 1 ให้อยู่ได้ต่อเนื่องต่อไป"นายประสิทธิ์ กล่าว
ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทฯมีแผนเปิดสาขา Cyber Branch 6-7 สาขา โดยเป็นสาขาในกรุงเทพฯ 2-3 สาขาในทำเลย่านธุรกิจแถบสุขุมวิท และรัชดาภิเษก ส่วนสาขาต่างจังหวัด มองไว้ที่ชลบุรี, เชียงราย และเชียงใหม่ นอกจากนี้ยังเล็งทำเลไว้ที่พัทยาด้วย คาดว่าจะใช้งบลงทุนสาขาละประมาณ 2-5 แสนบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายที่จะกระจายรายได้ โดยเฉพาะด้านวาณิชธนกิจ(IB)จากเดิมที่บริษัทฯมีรายได้มาจากธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว ซึ่งนอกจากด้าน IB แล้ว ยังจะกระจายรายได้ในส่วนของพอร์ตลงทุน และรายได้จากดอกเบี้ย โดยรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จะสัดส่วน 80-85%ของรายได้ทั้งหมด ด้าน IB สัดส่วน 5-10% ดอกเบี้ย 5-10% และ พอร์ตลงทุนอีก 5-10% ซึ่งแต่ละส่วนก็จะมีการลดหรือเพิ่มไปตามแต่โอกาสและจังหวะ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BSEC ยังกล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนจะขยายพอร์ตลงทุนเป็น 1 พันล้านบาทจากที่มีอยู่ 500 ล้านบาท หากภาวะตลาดยังดีต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเห็นในปีหน้า โดยขณะนี้พอร์ตลงทุนของบริษัทสามารถสร้างอัตราผลตอบแทนในระดับ 10%
ด้านนายเอกพิทยา เอี่ยมคงเอก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายวิจัย BSEC เปิดเผยถึงเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้ว่า ยังมองไว้ที่ 905 จุด เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ที่ระดับเป้าหมายดัชนีดังกล่าว เป็นระดับค่า P/E 12 เท่า คาดว่ากำไร บจ.จะเติบโตราว 10% เป็นการคำนวณจากบจ.กว่า 70 ราย บนฐานหุ้น 70% ของมาร์เก็ตแคปทั้งตลาดฯ
ส่วนเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยในปี 51 ขณะนี้ยังไม่นิ่งขึ้นอยู่กับผลกำไรของบจ. แต่หากมองที่ค่า P/E 12 เท่าก็อาจปรับเป้าหมายเพิ่มขึ้นอีก 20% จากเป้าดัชนีฯปีนี้ อย่างไรก็ตาม ก็มีโอกาสที่จะทำการปรับและมองเป้าหมายที่ชัดเจนอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--