AGE เพิ่มความระมัดระวังลงทุนช่วงวิกฤติโควิด แจงกำไร Q1/63 หดแรง 49% จากมาร์จิ้นลดแม้ปริมาณขายโต

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 12, 2020 11:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 2/63 บริษัทต้องวางกลยุทธ์แผนขยายการลงทุนอย่างระมัดระวังมากขึ้น ทั้งด้านธุรกิจโลจิสติกส์ และธุรกิจถ่านหิน ขณะที่ยังดำเนินการลงทุนตามแผนยุทธ์ศาสตร์ที่วางไว้ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์และความมั่นคงด้านอัตราการเติบโตของธุรกิจเป็นสำคัญ และยังคงประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นตัวแปรหลักที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการลงทุน

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในคลังสินค้า และท่าเรือ รวมถึงเพิ่มความสามารถในการขนส่งสำหรับธุรกิจด้านโลจิสติกส์ทั้งทางบกและทางน้ำ โดยในปีนี้มีเพิ่มการต่อเรือลำเลียงอีก 6 ลำ จากปัจจุบันอยู่ที่ 30 ลำ ส่งผลให้ในปีนี้บริษัทจะมีเรือลำเลียงครบจำนวน 36 ลำ พร้อมทั้งจะขยายการลงทุนไปยังรถบรรทุกเพื่อการขนส่งอีก 20 คัน จากปัจจุบัน 35 คัน ซึ่งจะทำให้ในปีนี้จะมีรถบรรทุกทั้งหมดจำนวน 55 คัน

นอกจากนี้ ยังเตรียมพัฒนาพื้นที่ท่าเรือที่ 4 และโรงงานคัดแยกที่ 4 ในพื้นที่คลังสินค้าที่อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเพิ่มความสามารถในการขนถ่ายสินค้าหน้าท่าเรือ และเพิ่มความสามารถในการคัดแยกสินค้า โดยคาดจะสามารถเริ่มใช้งานในช่วงต้นปี 64

สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 1/63 มีรายได้จากการขายและบริการ 2,046 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นรายได้จากการขายถ่านหินที่ 1,951 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% รายได้จากธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ที่ 95.2 ล้านบาท ลดลง 13% เป็นผลมาจากการขยายตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณการขายในประเทศ อยู่ที่ 1 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 52% ขณะที่ปริมาณการขายในต่างประเทศ อยู่ที่ 0.05 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 114% ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/63 มีปริมาณการจำหน่ายถ่านหินรวมทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ อยู่ที่ 1.05 ล้านตัน

ขณะที่มีต้นทุนขายและบริการเพิ่มขึ้น 30% ตามการเพิ่มขึ้นของยอดขาย และมีกำไรขั้นต้นจำนวน 203.17 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 9.93% ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 231.96 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 14.06% ซึ่งเป็นผลจากราคาขายถ่านหินเฉลี่ยที่ลดลง

นอกจากนี้บริษัทยังมีค่าใช้จ่ายขายและบริหารรวมเพิ่มขึ้น 30.12% มีต้นทุนทางการเงิน 11.11 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 20.61 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดปีก่อนที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.19 ล้านบาท ทำให้ในงวดไตรมาส 1/63 บริษัทมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 41.2 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 49%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ