นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) เปิดเผยว่า ยอดโอนของบริษัทในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (1 ม.ค.-31 มี.ค. 63) หรือในไตรมาส 2 งวดปี 62/63 ทำได้ 3.99 พันล้านบาทใกล้เคียงไตรมาสก่อนหน้า ทำให้บริษัทมียอดโอนในครึ่งปีแรกของงวดปี 62/63 (1 ต.ค. 62-31 มี.ค. 63) รวมกันเกือบ 8 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทยังมั่นใจว่ายอดโอนในงวดปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 1.7 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายรายได้รวมที่ 1.9 หมื่นล้านบาท แม้อยู่ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ที่กระทบเศรษฐกิจและกำลังซื้อ แต่โครงการแนวราบยังมีลูกค้าสนใจเข้ามาซื้ออย่างต่อเนื่องเป็นปัจจัยที่ทำให้ภาพรวมของบริษัทยังมีความแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธุรกิจศูนย์การค้าและโรงแรมที่ได้รับผลกระทบมากหลังเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่บริษัทยังคงมองเห็นความสำคัญของลุกค้าและพันธมิตร จึงมีการปรับลดหรือยกเว้นค่าเช่าให้กับผู้เช่าในศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ และคาดว่าจะกลับมาเปิดได้เต็มรูปแบบภายในเดือน มิ.ย.นี้ ส่วนอาคารสำนักงานเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ และมิตรทาวน์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์ ยังคงเปิดตามปกติ คาดว่ารายได้จากโครงการให้เช่าของบริษัทจะมีเข้ามาในปีนี้กว่า 1 พันล้านบาท
"เราได้มีการปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในปีนี้ที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการบริหารกระแสเงินสด และการเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน ซึ่งตลอดการปรับตัวตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทยังรักษาผลการดำเนินงานไว้ได้ทำให้พนักงาน คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจได้รับผลกระทบน้อยที่สุด"นายธนพล กล่าว
สำหรับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้เกิดความท้าทายจากผลกระทบของวิกฤตโควิด-19 และคาดว่าจะเห็นผลชัดเจนมากขึ้นในช่วงผลการดำเนินงานในเดือนเม.ย.-มิ.ย.นี้ แต่ในภาวะที่มีแรงกดดันมากยังคงมียอดขายโครงการแนวราบที่ดี เพราะลูกค้าหันมาสนใจโครงการแนวราบมากขึ้น โดยมียอดเข้าชมโครงการเพิ่มขึ้น 40-50% จากช่วงเดียวกันของงวดปีก่อน จากความจำเป็นต้องใช้จริงในการปรับรูปแบบทำงานที่บ้าน (Work from home) ที่ต้องการพื้นที่อยู่อาศัยและทำงานที่ไม่รบกวนกันของสมาชิกในครอบครัว ต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น ฟังก์ชั่นของโครงการแนวราบจึงตอบโจทย์มากกว่าสินค้าประเภทอื่น ดังนั้น ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมายอดขายมีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ได้ผลกระทบจากมาตรการ LTV
ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ที่ 2.9 พันล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปี 63 โดยในงวดครึ่งปีหลังนี้ (ก.ค.–ธ.ค. 63) บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดโครงการนีโอโฮมอีก 4 โครงการ และโครงการทาวน์โฮมอีก 4 โครงการ มูลค่ารวม 9.4 พัน ล้านบาท หลังจากในช่วงต้นปีถึงเดือนเม.ย.ที่ผานมา เปิดโครงการแนวราบใหม่ไปแล้ว 5 โครงการ มูลค่ารวม 4.6 พันล้านบาท
ส่วนจศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ บริษัทมีความพร้อมเปิดให้บริการหากมีการประกาศจากภาครัฐใน 1-2 สัปดาห์จากนี้ โดยอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมให้เป็นไปตามมาตรการระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีการคัดกรองผู้ใช้บริการ ตรวจวัดไข้ ทำความสะอาดในจุดสัมผัสต่างๆเป็นอย่างดีแล้ว
สำหรับธุรกิจอาคารสำนักงานที่แม้ว่าหลายบริษัทจะปรับตัวตามมาตรการ Social Distancing โดยปรับให้พนักงานทำงานที่บ้าน (Work from Home) มากขึ้น แต่เชื่อว่าเมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ รูปแบบการทำงานที่ทำงาน (Work at Office) จะกลับมาเช่นเดียวกัน เพราะยังจำเป็นต้องใช้พื้นที่สำหรับการประชุม และการใช้พื้นที่ร่วมกันของพนักงาน โดยจะมีการปรับความยืดหยุ่นในการทำงานมากขึ้น จึงคาดว่าจะไม่ทำให้ภาพรวมความต้องการพื้นที่สำนักงานลดลงจนเกิดผลกระทบ
"แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์ภาวะวิกฤตโควิด-19 ในประเทศไทยจะดีขึ้น แต่คงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ความท้าทายกลับอยู่ที่การวางแผนหลังจากวิกฤตคลี่คลาย ในการปรับตัวไปสู่ New Normal เช่น มาตรการรองรับรูปแบบการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อจัดการคิวจองซื้อบ้านในวันเปิดโครงการ การเปิดศูนย์การค้าอย่างระมัดระวัง และให้ความสำคัญกับมาตรการระยะห่างทางสังคม เรามีความพร้อมและมั่นใจในการเดินหน้าปรับตัวสู่ New Normal ที่สามารถรักษาผลการดำเนินงานของบริษัทให้มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับที่ไม่เกิดผลกระทบกับพนักงาน คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ"นายธนพล กล่าว