นางสาวทมยันตี คงพูลศิลป์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานบริหารการลงทุนและการลงทุนสัมพันธ์ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) คาดว่าผลประกอบการปีนี้จะดีกว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และยังเดินหน้าลงทุนธุรกิจใหม่ในกลุ่มธุรกิจดิจิทัลเซอร์วิสและ 5G โดยคงงบลงทุนปีละ 200 ล้านบาท ซึ่งบริษัทยังมีการศึกษาการลงทุนต่อเนื่อง
ขณะที่ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ยังมีโอกาสเติบโต จากเทคโนโลยี 5G ซึ่ง INTUCH รับรู้กำไรตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ 47.45% ขณะที่ผลประกอบการของ บมจ.ไทยคม (THCOM) ในไตรมาสแรกที่ผ่านมาพลิกมาเป็นบวก เพราะบันทึกค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายลดลง ส่วนการจ่ายเงินปันผลที่นักลงทุนระยะยาวคำนึงถึงก็ยังจ่ายได้ในอัตราเดิมอย่างต่อเนื่อง
"ปีนี้ค่อนข้างยากที่จะคาดการณ์รายได้ เราทำธุรกิจให้ดีที่สุด และน่าจะยังไปได้ด้วยดีในปีนี้"นางสาวทมยันตี กล่าว
ด้านนางสาวอุมาวรรณ ส่องศิริ ผู้จัดการสายงานบริหารการลงทุนและการลงทุนสัมพันธ์ กล่าวว่า ในไตรมาส 1/63 บริษัทเข้าลงทุนในสตาร์ทอัพแล้ว 3 บริษัทวงเงินราว 108 ล้านบาท โดยล่าสุดเป็นการลงทุนบริษัทใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ 1.datafarm เป็นผู้ให้บริการความปลอดภัยทางไซเบอร์ การทดสอบช่องโหว่ของระบบ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าองค์กร หน่วยงานกำกับดูแล เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
และ 2.igloo ประกอบธุรกิจประกันภัย ใช้ AI และ Big data ประกันวินาศภัย สินค้า เน้นการประกันภัยหน้าจอโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ร่วมกับบริษัทประกันภัยและอีคอมเมิร์ซ ประกอบธุรกิจใน 7 ประเทศส่วนใหญ่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ ไทย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย โดยจดทะเบียนในสิงคโปร์
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือน มี.ค.63 บริษัทมีมูลค่าการลงทุน 1,208 ล้านบาท จากสิ้นปี 62 มีมูลค่ารวม 1,051 ล้านบาท ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนในสตาร์ทอัพแล้วจำนวน 22 บริษัท และบางส่วนได้ขายเงินลงทุนออกไป ทำให้ปัจจุบันเหลือการลงทุน 15 บริษัท
ในช่วงเกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 มี 3 บริษัทที่รับผลกระทบ ได้แก่ 1. golfdigg ขายบริการใช้สนามกอล์ฟล่วงหน้า ซึ่งการระบาดโควิด-19 และการล็อกดาวน์ ทำให้สนามกอล์ฟปิดและรายการทัวร์ไม่สามารถดำเนินการได้ 2. ydm สื่อโฆษณา รับผลกระทบจากลูกค้าลดการใช้จ่ายด้านการตลาด และ 3. eventpop บริการจัดการอีเว้นท์รับผลกระทบโดยตรงจากงานอีเว้นท์ที่ต้องเลื่อนออกไป
ส่วนการขายหุ้นของกลุ่มเทมาเส็ก ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ออกไปนั้น ไม่ได้กระทบกับการบริหารงานของบริษัทแต่อย่างใด โดยปัจจุบันมีการถือหุ้นสัดส่วน 5.2% อนึ่ง เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มเทมาเส็ก ขายบิ๊กล็อตหุ้น INTUCH และ INTUCH-F รวม 135.2 ล้านหุ้น